เปิดใจ นพดล ธรรมวัฒนะ ลุยอาเซียน ฟ้าหลังฝน 'Body Glove'

เปิดใจ นพดล ธรรมวัฒนะ ลุยอาเซียน ฟ้าหลังฝน 'Body Glove'

14 ปีก่อน"นพดล ธรรมวัฒนะ” ผู้ก่อตั้ง Body Gloveในไทย เคยถูกเรื่องมรดกเลือดกดดันจนเสียสูญ วันนี้ ชายวัย 61 ประกาศทวงคืนยอดขายพันล.ก่อนวางมือ

“วิกฤติเศรษฐกิจ” ไม่เลวร้ายเท่า “วิกฤติครอบครัว”

ใครจะรู้!! ก่อนโดนวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 เล่นงาน บมจ.บีจีที คอร์ปอเรชั่น หรือ BGT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เพื่อการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้สิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Body Glove” เคยมียอดขาย “อู้ฟู่” เกือบ 1,000 ล้านบาท แต่หลังเศรษฐกิจเมืองไทย “ล้มครืน” ยอดขายค่อยๆหดตัวเข้าสู่ “หลักร้อยล้าน”

ร่องรอยจาก “แผลเก่า” ยังไม่ทันหาย “แผลใหม่” ก็มาเกิดซ้ำ เมื่อ “สังข์-นพดล ธรรมวัฒนะ” หุ้นใหญ่ “บีจีที คอร์ปอเรชั่น” ถูกกล่าวหาว่า เป็นคนฆ่าพี่ชายตัวเอง “ห้างทอง ธรรมวัฒนะ” อดีต ส.ส.พรรคประชากรไทย เขตกรุงเทพฯ โดยมีเหตุจูงใจเรื่องการแย่งชิงมรดกของตระกูลธรรมวัฒนะ มูลค่า “หมื่นล้านบาท”

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ผลประกอบการของแบรนด์ Body Glove “ติดลบ” แถมยอดขายยังลดลงอย่าง “ฮวบฮาบ” ผ่านมาถึงปี 2546 ยอดขาย “ตกต่ำ” มากสุดเหลือแค่ 100 ล้านบาท นอกจากสินค้าจะขายไม่ค่อยออกแล้วยังมีคนมีอารมณ์ร่วมกับข่าวการตายของพี่ชายแวะเวียนมายืนต่อว่าพนักงานอย่างต่อเนื่อง

“นายเธอมันเป็นฆาตกร ฆ่าได้แม้กระทั่งพี่น้องตัวเอง ฉันจะเลิกซื้อ เลิกใช้ สินค้าแบรนด์นี้” ประโยคต่อว่าต่อขานของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ Body Glove “นพดล ธรรมวัฒนะ” ประธานกรรมการบริหาร “บีจีที คอร์ปอเรชั่น” ถือโอกาสระบายความในใจให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ฟัง แม้เรื่องราวจะล่วงเลยมากว่า 14 ปีแล้ว ก็ตาม

กว่า 24 ปี ที่ทำธุรกิจภายใต้แบรนด์ “บอดี้ โกลฟ” ในไทย ใครจะรู้บ้างว่า เราเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและฝีมือ เพื่อนำพาธุรกิจผ่านพ้น “มรสุม” ลูกใหญ่ๆ ใครไม่โดน ไม่รู้หรอกมันกดดันแค่ไหน ครั้งหนึ่งเคยโดนกล่าวหาว่า เป็นฆาตกรฆ่าพี่ชายตัวเอง ใครจะมองเราดี ไปไหนมาไหน มีแต่คนจับตามอง “ผมอึดอัด รู้สึกสูญเสียความเป็นส่วนตัว”

“วิกฤติต้มยำกุ้งคิดว่าหนักแล้ว เจอวิกฤติภายในบ้าน หนักกว่าหลายเท่าตัว”

ช่วงนั้นแก้ไขปัญหาในบริษัทอย่างไร? “นพดล” ย้อนอดีตให้ฟังว่า ปี 2547 ผมต้องตัดสินใจขายหุ้น BGT ออกไป 49 เปอร์เซ็นต์ให้กับ “เกา โก๊ะ เชง” และ “เกา โก๊ะ เบง” นักลงทุนชาวมาเลเซีย ในราคาที่ “ขาดทุน” เพื่อให้คนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมบริหาร และดูแลธุรกิจแทนเรา ช่วงเวลานั้นเราแทบไม่มีเวลาทำงาน วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีต้องเดินทางไปขึ้นศาล ชีวิตได้หยุดแค่วัน ศุกร์-อาทิตย์”

วันๆไม่ต้องทำอะไร หมดเวลาไปกับเรื่องพวกนี้

ทว่าวันนี้เหมือน “ฟ้าหลังฝน พายุฝนผ่านพ้นไปแล้ว” เมื่อศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายกฟ้องจำเลย “นพดล ธรรมวัฒนะ” ในข้อหาฆ่าคนตาย หลังจากศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 28 ก.ย.2550 ได้พิพากษาให้ยกฟ้องมาแล้ว เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักแน่น หนาเพียงพอที่จะลงโทษจำเลยได้

เหลืออีกศาลเดียว คือ ศาลฎีกา ก็คงต้องเหนื่อยกันต่อไป “นพดล” บอก

เชื่อมั้ย!! “ผมต้องจ่ายค่าประกันตัวเองสูงถึง 6.5 ล้านบาท ในขณะที่คดีในลักษณะเดียวกันไม่มีใครต้องจ่ายค่าประกันตัวเองสูงเท่านี้ นักการเมืองที่หนีออกนอกประเทศยังไม่ต้องจ่ายค่าประกันตัวเองมากขนาดนี้เลย (หัวเราะ) สงสัยเป็นเพราะคดีนี้มีการพูดถึงมาก

ถือเป็นข่าวที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์นานมาก อยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับตั้งแต่เดือน ก.ย.2542 จนมาถึงปี 2543 แถมได้เป็นข่าวดีเด่นในปีนั้นอีกต่างหาก ผ่านมาถึงปี 2546 “แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” รื้อคดีขึ้นมาใหม่ ทำให้ตั้งแต่เดือนก.ย.2546 ลากไปถึงปี 2547 หนึ่งหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวผม

หลังระบายความช้ำใจสักระยะ “ชายวัย 61ปี” ย้อนอดีตให้ฟังว่า “ผมมีพี่น้องทั้งหมด 10 คน เป็นน้องชายต่อจาก “ห้องทอง ธรรมวัฒนะ”

"ผมมีหัวการค้าตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ (MBA) มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงนั้นประมาณปี 2531 ผมเรียนควบคู่กับการทำงาน อาทิ เซลล์ขายรถบัส และพนักงานแบงก์”

ในปี 2520 หันไปจับมือกับเพื่อนเปิดร้านบูติค ณ เบฟเวอรี่ฮิลล์ ทำอยู่ 2 ปี ทางบ้านโทรมาบอกว่า พี่สาวถูกฆ่าตาย เรารีบบินกลับเมืองไทย ซึ่งตำรวจจับคนร้ายได้ในปี 2525 ช่วงนั้นที่บ้านให้มาดูแลตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ ทำได้จนถึงปี 2527 เราขอแยกตัวออกมาทำเสื้อผ้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “มิกกี้เม้าส์”

ก่อนจะมาร่วมทุนกับ Mr. Mark J. Walden นักธุรกิจชาวอเมริกัน ก่อตั้งบริษัท ไทยเซกเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ Walt Disney และ Body Glove ให้กับบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งในปี 2529 บริษัทได้ส่งออกเสื้อผ้า “Body Glove” ไปในประเทศสหรัฐอเมริกา ผลปรากฏว่า มียอดจำนวนการสั่งซื้อสูงมากคิดเป็นหลายล้านดอลลาร์ ช่วงนั้นเราผลิตไม่ทันต้องไปอาศัยแหล่งผลิตในประเทศใกล้เคียง อาทิเช่น ศรีลังกา และบังคลาเทศ

เมื่อสินค้าได้รับความนิยมจากการส่งออกไปขายในอเมริกา จึงมีความคิดว่า น่าจะนำแบรนด์ Body Glove มาเปิดตลาดในเมืองไทย ตอนนั้นมีเสียงคัดค้านจากผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือเจ้าของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทุกคนเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะได้รับความนิยมในตลาดเมืองไทย เพราะว่าผลิตภัณฑ์เสื้อผ้ามีสีสันค่อนข้างแรงฉูดฉาด เกรงว่าคนไทยจะรับไม่ได้

สุดท้าย คนไทยยอมรับ หลายคนมีทัศนะคติทางด้านแฟชั่นที่ดี “โรบินสัน ราชดำริ” คือ สาขาแรกของเรา เชื่อมั้ย!!ยอดขายดีมาก วัยรุ่นค่อนข้างชอบ ผู้บริหารโรบินสันยังประหลาดใจ ทำให้เราปฏิบัติการณ์ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งเรามีสาขาทั้งหมด 130 แห่ง

ถามถึงอนาคตของ “บีจีที คอร์ปอเรชั่น” แม่ทัพใหญ่ เล่าความลับให้ฟังว่า ในปี 2557 เราจะโฟกัสตลาดในเขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือ AEC โดยจะเข้าไปในตลาดอินโดนีเซียก่อนเป็นอันดับแรก เบื้องต้นเรายังคงไม่ได้นำผลิตภัณฑ์ของ Body Glove เข้าไปจำหน่าย

หลังติดปัญหาข้อกฎหมายค้าปลีกขนาดย่อย ซึ่งประเทศอินโดนีเซียจะเปิดให้ค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เข้าไปทำธุรกิจเท่านั้น เล็กกว่านั้นหมดสิทธิ์ แต่เราเชื่อว่าภายในปี 2558 กฎหมายน่าจะได้รับการแก้ไข
ฉะนั้นเมื่อยังติดปัญหากฎหมายบางอย่าง ทำให้ “บีจีที คอร์ปอเรชั่น” จำเป็นต้องชิมลาง ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ทองคำบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ของ “บริษัท โกลด์มาสเตอร์ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทที่ลงทุนในนามส่วนตัว เข้าไปจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียแทนก่อน โดยเราจะส่งสินค้าให้กับคู่ค้าของเราที่มีอยู่ 6 สาขานำไปจำหน่าย ที่ผ่านมา“ผลตอบรับดีมาก”

ล่าสุดกำลังคุยกับพันธมิตรรายนี้ว่า หากเราต้องการนำผลิตภัณฑ์แบรนด์ Body Glove มาจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียจะต้องทำอย่างไร เพราะตลาดเขาน่าสนใจประเทศนี้มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ใหญ่กว่าเมืองไทย 3 เท่า และมีประชากร 200 ล้านคน เชื่อว่าน่าจะหาทางออกและจับมือร่วมทุนกันเร็วๆนี้

เขา เล่าต่อว่า ที่ผ่านมาเราได้แต่งตั้งดีลเลอร์ในประเทศพม่า เพื่อขายผลิตภัณฑ์แบรนด์ Body Glove ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี เรามียอดขายเดือนละ 1 ล้านบาท อนาคตจะพยายามขยายตลาดไปในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม ล่าสุดประเทศอเมริกาอยากให้นำแบรนด์ Body Glove เข้าไปจำหน่ายในเมืองจีน ตอนนี้เขากำลังคุยกับบริษัทขนาดใหญ่
ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกและเป็นตัวแทน เพื่อการผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องภายใต้สิทธิ์เครื่องหมายการค้า Body Glove แต่เพียงผู้เดียวภายใน 6 ประเทศ (ไม่รวมไทย) ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์

“หากแผนบุก AEC ประสบความสำเร็จ รายได้ของ BGT อาจเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก”

ถามถึงยอดขายในปี 2557 “ประธานกรรมการบริหาร” บอกว่า มีโอกาสแตะ 1,000 ล้านบาท เพราะในช่วงไตรมาส 3/56 เราเพิ่งวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมใหม่ นั่นคือ กางเกงชั้นในสำหรับผู้ชาย คาดว่าจะสร้างยอดขายในปีหน้าประมาณ 30-40 ล้านบาท ล่าสุดเราไปวางทดลองจำหน่ายในเทสโก้โลตัส 46 สาขา ผลปรากฏว่า วางจำหน่ายเพียง 3 สัปดาห์ มียอดขายมากถึง 34 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนสต็อกที่เราส่งเข้าไป

ครั้งแรกส่งเข้าไปจำนวน 20,000 แพ็ค ราคาแพ็คละ 189 บาท ปัจจุบันมีออเดอร์เข้ามาอีก 30,000 แพ็ค ถ้ายอดขายยังเป็นอย่างนี้มีแนวโน้มที่เทสโก้โลตัสจะนำสินค้าวางจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ในปีหน้า บริษัทจะนำสินค้าใหม่ๆมาจำหน่ายในเทสโก้โลตัสอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นของผู้หญิง อาทิ ชุดว่ายน้ำ เป็นต้น

เขาบอกว่า ปัจจุบัน “บอดี้ โกลฟ” มีสาขา 141 แห่ง คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 5 แห่ง ทำให้สิ้นปี 2556 จะมีสาขาทั้งสิ้น 146 แห่ง ส่วนปี 2557 ตั้งใจจะขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ด้วยการขยายออกไปพร้อมกับ “บิ๊กซี และห้างเซ็นทรัล” ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัด 70 เปอร์เซ็นต์ และกรุงเทพ 30 เปอร์เซ็นต์ เราเล็งเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพิ่มเติม

“นพดล” ไม่ลืมที่จะวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2556 ว่า เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว หลังกำลังซื้ออ่อนตัวมาตั้งแต่ไตรมาส 2/56 เพราะคนนำเงินไปซื้อรถคันแรกกันหมด เราเริ่มเห็นปัญหาตรงนี้มาตั้งแต่ไตรมาสแรกแล้ว แต่บริษัทจะพยายามรักษาอัตราส่วนของกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี

ในแง่ของยอดขายในปี 2556 ยอมรับอาจลดลง ถือเป็นการปรับตัวลดลงสอดคล้องกับธุรกิจค้าปลีกที่หดตัวลงทุกแผนก

ทำไมหุ้น BGT ไม่ไปไหน? นั่นดิแปลกใจเหมือนกัน “นพดล” ตอบ บริษัทมีกำไร พื้นฐานแข็งแกร่ง แต่หุ้นไม่ขึ้น หรือเป็นเพราะผู้ถือหุ้นไม่ยอมปล่อยหุ้นออกมา เคยเข้าไปดูวอลุ่มการซื้อขาย ไม่มีใครขายหุ้นออกมาเลย สภาพคล่องหุ้นเราอยู่แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ “ผมยังไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องหุ้น”

“บิสวีค” เคยเห็น “พีรนาถ โชควัฒนา” เซียนหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้น BGT ปัจจุบันยังถืออยู่มั้ย “หุ้นใหญ่” ตอบว่า เขาขายหุ้นเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์หมดแล้ว เพิ่งเห็นกลุ่มใหม่เข้ามาถือหุ้นแทน แต่ไม่รู้ว่า เป็นใครน่าจะได้เจอกันในวันประชุมผู้ถือหุ้นเร็วๆนี้ เท่าที่รู้เห็นกลุ่มใหม่โทรมาหา CFO ของบริษัท เพื่อสอบถามเรื่องแผนธุรกิจต่างๆ

ถามถึงเรื่องการลงทุนส่วนตัว มีลงทุนหุ้นบ้างนิดหน่อย แต่ซื้อไว้นานมากแล้วจำไม่ค่อยได้ว่า มีหุ้นตัวไหนบ้าง ปกติจะให้ลูกสาวคนโต จากจำนวน 2 คน “ดรีม-ดลนภา ธรรมวัฒนะ”เป็นคนบริหารพอร์ตลงทุน ตอนนี้ลูกสาวกำลังเรียน “ดอกเตอร์” อยู่ ที่ผ่านมาผลตอบแทนโอเคมาก ล่าสุดลูกสาวเข้าไปซื้อ หุ้น เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป หรือ M ขายออกวันแรก ปรากฏว่า ได้กำไรตั้ง 5 บาท

“นพดล” จบบทสนทนาว่า “ทุกวันนี้ “บีจีที คอร์ปอเรชั่น” อยู่ภายใต้การบริหารงานของ “ดรีม-ดลนภา ธรรมวัฒนะ” และ “พันธมิตรชาวมาเลเซีย” ส่วนตัวผมจะดูภาพใหญ่ ตั้งใจว่า หากแบรนด์ของเราสามารถปักธงในตลาด AEC ได้ อาจถึงเวลาต้องวางมือจากการบริหารงานและให้ลูกสาวทำต่อ ตอนนี้อายุผมเลยวัยเกษียณแล้ว”

-------------------------------------------

ทายาท “บอดี้โกลฟ”

“ดรีม-ดลนภา ธรรมวัฒนะ” ลูกสาวของ “นพดล ธรรมวัฒนะ” เจ้าพ่อ “บอดี้ โกลฟ” และทายาทตลาดยิ่งเจริญ เธอจบปริญญาตรีด้านการตลาดจากสหรัฐอเมริกา มาต่อปริญญาโทด้านการบริหารที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อินเตอร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาเอก ได้มีโอกาสเข้ามาช่วย “พ่อ” ดูแลธุรกิจฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของ “บอดี้ โกลฟ” และแบรนด์น้องใหม่จากอังกฤษอย่างพีพีมาร์เก็ต ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน แต่ก็ขยายสาขาไปแล้วถึงหลายสาขา ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

เธอบอกว่า ปัจจุบันมีการนำระบบไอทีเข้ามาใช้เพื่อการบริหารจัดการทุกๆ ส่วน พร้อมกับนำสินค้าใหม่เข้ามา โดยการร่วมทุนกับ “บอดี้ โกลฟ มาเลเซีย” หากดูบอดี้ โกลฟไทย กับ มาเลเซียจะเห็นอิมเมจค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ซึ่งเชื่อว่าหากประสานมือกัน จะสามารถขยายตัวออกไปยังประเทศที่เรามีลิขสิทธิ์อยู่ ก็จะสามารถขยายกิจการให้เติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง

สำหรับการทำงาน “บอดี้ โกลฟ” มีการบริหารองค์กรแบบแนวราบ มีการทำงานที่เป็นกันเอง เป็นไลฟ์สไตล์แบบสบายๆ พนักงานแต่งกายแบบ California Lifestyle ไม่มียูนิฟอร์ม สามารถคุยสื่อสารกันได้ง่ายทำให้การบริหารค่อนข้างคล่องตัว การตัดสินใจค่อนข้างรวดเร็ว

เธอบอกว่า อยากทำงานสะสมประสบการณ์ไปสัก 5-6 ปี และในอนาคตอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อาจจะหุ้นกับเพื่อนๆ ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเสื้อผ้า เครื่องประดับ ตามที่เธอชอบและถนัด ตอนนี้จึงเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนจะออกมาลุยเดี่ยว แน่นอนว่าการจะทำงานให้ดีจนประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องบ่มเพาะมาจากหลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งร่างกายและจิตใจ

โดยเฉพาะจิตใจที่ดีจะส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิตในทุกด้าน เธอจึงให้ความสำคัญในเรื่องการ "มองโลกในแง่ดี" มีพื้นฐานจิตใจที่งดงาม พยายามทำชีวิตให้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่เรื่องมาก

มีความสุขง่ายๆ กับสิ่งรอบตัว
------------------------------

บอดี้โกลฟ แบรนด์ตำนาน

แบรนด์ Body Glove อยู่ในตลาดเสื้อผ้าระดับโลกมานานกว่า 50 ปี เกิดหลังแบรนด์ Walt Disney เพียง 2 ปี โดยบริษัทบีจีที คอร์ปอเรชั่น

ได้สิทธิเครื่องหมายการค้าในแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 2531 ใน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า ลาว กัมพูชา และฟิลิปปินส์

"ผมก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้ได้เพราะรู้จักเพื่อนคนหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของ Body Glove ที่แคลิฟอร์เนียกว่าที่จะปลุกปั้นแบรนด์จนเป็นที่รู้จักในเมืองไทยมันไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับผมชีวิตผูกพันกับ Body Glove มากถึงมากที่สุด และจะเดินหน้าสร้างความเติบโตต่อไป ไม่แน่นะสักวันนักลงทุนอาจหันมามองว่าเราสวย" นพดล ธรรมวัฒนะ เคยให้สัมภาษณ์ BizWeek ไว้ก่อนหน้านี้