ค่ายรถดีทรอยต์เจอบททดสอบใหม่ปี 57

ค่ายรถดีทรอยต์เจอบททดสอบใหม่ปี 57

ค่ายรถดีทรอยต์เจอบททดสอบใหม่ปี 57 เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงในตลาดยานยนต์สหรัฐ

ปีนี้ถือเป็นบททดสอบภาวะผู้นำสำหรับบรรดาซีอีโอของค่ายรถยนต์รายใหญ่สุดทั้ง 3 รายของสหรัฐ ทั้ง เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเลอร์ หลังจากที่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์สหรับได้มีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

แม้ความเสี่ยงที่รออยู่ข้างหน้าจะไม่ถึงขั้นวิกฤติอีกต่อไปแล้ว แต่วิธีการรับมือของบริษัทจะบ่งบอกทิศทางการดำเนินงานในอนาคต และเป็นการส่งสัญญาณว่ามีการศึกษาบทเรียนจากวิกฤติการเงินครั้งล่าสุดมากพอหรือไม่

นายซาเวียร์ มอสเกต์ หุ้นส่วนอาวุโสและกรรมการผู้จัดการของบริษัทบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป ให้สัมภาษณ์ว่า ปีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของยุค และหากพูดตามตรง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าแตกต่างและเป็นรูปแบบใหม่อย่างสิ้นเชิง

บรรดานักวิเคราะห์มองว่าปี 2557 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงในตลาดยานยนต์สหรัฐ และการดำเนินความพยายามรอบใหม่ในการชิงส่วนแบ่งในตลาดต่างประเทศ

ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้างานแสดงรถยนต์ดีทรอยต์ในปีนี้ ซีอีโอของทั้งจีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ต่างทำทุกวิถีทางที่เน้นให้เห็นถึงภาวะการเป็นผู้นำที่จะทำให้เกิดสิ่งที่นายมอสเกต์ ระบุว่า เป็นตลาดอเมริกาเหนือที่มีการแข่งขันมากที่สุดในรอบหลายสิบปี

จีเอ็มเลื่อนตำแหน่งให้ "นางแมรี บาร์รา" หัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัทเมื่อเดือนก่อน ขณะที่ซีอีโอของฟอร์ด "นายอลัน มูลัลลี" ยุติข่าวลือที่มีมาหลายเดือน โดยประกาศว่าเขาจะไม่ย้ายไปร่วมงานกับยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์ "ไมโครซอฟท์"

ทั้งเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ซีอีโอไครสเลอร์ "นายแซร์จิโอ มาร์คิออนเน่" ก็สามารถบรรลุข้อตกลงที่ยืดเยื้อมานานในการควบรวมกิจการกับ "เฟียต" ค่ายรถยนต์จากอิตาลีซึ่งเป็นบริษัทที่เขาเคยบริหารตั้งแต่ปี 2552

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ส่งสัญญาณว่าค่ายรถยนต์รายใหญ่ทั้ง 3 รายนี้ ยังจะใช้กลยุทธ์เดิม ที่ทำให้บริษัทสามารถหลุดพ้นจากวิกฤติ เนื่องจากงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้นและรถยนต์ที่น่าดึงดูดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของทั้งสามบริษัทจะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่าทักษะที่มีความจำเป็นในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นแตกต่างจากในช่วงที่เวลาที่มีการเติบโต การใช้กลยุทธ์ที่ผิดพลาดอาจทำลายอนาคตของบริษัทได้

ที่ปรึกษาอิสระด้านยานยนต์ "นางมารีแอนน์ เคลเลอร์" กล่าวว่า ในการกอบกู้บริษัท ปัญหาที่จำเป็นต้องรับมือจะมีความชัดเจนมาก เนื่องจากเป็นปัญหาที่ชี้เป็นชี้ตายให้กับบริษัท

ผู้ผลิตรถยนต์โลกคาดว่า ยอดขายในปีนี้พุ่งสูงขึ้น แม้จะมีความวิตกถึงเรื่องการชะลอตัวในสหรัฐ ตลาดที่สร้างกำไรให้เป็นจำนวนมาก และมียอดขายเพิ่มขึ้นมาแล้วร่วม 50% นับแต่เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทวิจัย "ไอเอชเอส" ประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในปี 2557 น่าจะเพิ่มขึ้น 3.4% ขณะที่แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ มองว่า ตลาดจะขยายตัวสูงถึง 5%

ในปีนี้ คาดว่า ยอดขายในยุโรปจะฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี ขณะที่จีน ตลาดรถยนต์รายใหญ่สุดของโลก มีแนวโน้มที่จะขยายตัวด้วยตัวเลข 2 หลัก โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นระลอก และความต้องการที่แข็งแกร่งจากเมืองขนาดเล็กที่อยู่ในพื้นที่ส่วนในของประเทศ