'ทิพยประกันชีวิต'จัดทัพบุกลาวรับเออีซี

ทิพยประกันชีวิตจัดทัพบุกลาวรับเออีซี ยอมรับพิษการเมือง-เศรษฐกิจ ฉุดผลดำเนินงานไตรมาสแรกร่วง 30%
ทิพยประกันชีวิต จัดทัพบุกลาว รับเปิดเออีซี หลังได้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจทั้งประกันภัย-ประกันชีวิต เบื้องต้นเน้นประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประกันรายบุคคล ยอมรับผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2557 ร่วง 30% ผลจากพิษการเมือง เศรษฐกิจ ทำคนชะลอใช้จ่าย กระทบธุรกิจประกัน
นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมนำกรมธรรม์ประกันชีวิตไปขายที่ประเทศลาวหลังจากที่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นใน บริษัท ทิพยประกันชีวิต ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการธุรกิจทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยกำลังจัดทำรายละเอียดคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ เอ็มอาร์ทีเอ และประกันสามัญหรือบุคคล
เนื่องจากประเทศลาวมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน และมีคนรวย 200,000-300,000 คน ทำให้มีโอกาสในการขยายตลาด และปัจจุบันประชากรลาวยังทำประกันไม่มากนัก หากประสบความสำเร็จจะขยายตลาดไปยังประเทศอื่นต่อไป และถือเป็นแผนหนึ่งในการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปี 2558
"เราคงต้องทยอยรุกไปตลาดต่างประเทศ เริ่มแรกทดลองที่ลาวก่อน หากไปได้ดีก็จะรุกไปยังประเทศอื่นต่อไป ช่วงนี้ยังถือว่าเป็นช่วงของการทดลองไปก่อนเพื่อรองรับเออีซี"
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.-มี.ค.)ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากปัญหาการเมืองในประเทศและผลกระทบเศรษฐกิจทำให้ประชาชนชะลอการใช้จ่าย ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจประกันได้รับผลกระทบตามไปด้วย แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบแต่บริษัทก็ได้พยายามที่จะหาช่องทางเพิ่มรายได้ และล่าสุดได้ร่วมมือกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ขยายตลาดประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่ยอดขายกรมธรรม์จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้เพราะอยู่ระหว่างทดลองทำตลาด คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนช่วงสิ้นไตรมาส 2
“เบี้ยประกันรับรวมปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาทแบ่งเป็นประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย 60-70% ที่เหลือ 30% เป็นประกันสามัญ ส่วนประกันกลุ่มไม่ได้เน้นทำตลาด เพราะไม่คุ้มทุน ซึ่งยอมรับว่าปัญหาการเมืองทำให้ธุรกิจประกันได้รับผลกระทบและผู้ประกอบการพยายามหาช่องทางรักษาฐานลูกค้าของตนเองทำให้ต้องงัดกลยุทธ์ออกมาจูงใจลูกค้า โดยพยายามทำกำไรในปีนี้ให้ได้ 500 ล้านบาท จากปี 2556 อยู่ที่ 90 ล้านบาท เพราะไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2558 และปัจจุบันยังไม่มีแผนเลื่อนเข้าตลาดฯ ยกเว้นเศรษฐกิจผันผวนจริงถึงจะมาทบทวนใหม่”
นอกจากนี้บริษัทกำลังศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อออกมาเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะข้าราชการ เช่น ครู ทหาร และ ตำรวจแต่รูปแบบเป็นอย่างไรนั้นต้องรอดูในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะกำลังทำรายละเอียดกันอยู่ เช่น ครูอาจมีเงื่อนไขพิเศษ และบำนาญมีส่วนสำคัญในการนำมาคิดคำนวณผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาออกขาย ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบริษัทประกันออกกรมธรรม์อาวุโสกันมากและอัตราเบี้ยประกันไม่แพง