สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 26-30 พฤษภาคม 2557

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 26-30 พฤษภาคม 2557

เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นไทยปรับขึ้นจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดเงินระยะสั้นและตลาดตราสารหนี้

อัตราดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้น

อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวต่อเนื่อง โดยธนาคารพาณิชย์มีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ อีกทั้งมีการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำงวดสิ้นปี 2556 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) อยู่ที่ 1.90% ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน ส่วนอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน อยู่ที่ 2.00% เท่ากับสัปดาห์ก่อนเช่นกัน

ในสัปดาห์ระหว่างวันที่ 2-6 มิ.ย. 2557 คาดว่าสภาพคล่องจากการเรียกเก็บเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลจะทยอยไหลกลับเข้าสู่ระบบธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินน่าจะยังทรงตัวต่อเนื่องใกล้ระดับ 2.00%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยและสหรัฐฯ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ประเภทอายุ 5 ปี ปิดที่ระดับ 3.14% ในวันศุกร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับ 3.04% ในสัปดาห์ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ก่อนที่จะทยอยปรับลดลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ จากแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศ กอปรกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลง อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้นในวันศุกร์หลังนักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรไทยอีกครั้ง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ประเภทอายุ 10 ปี ปิดที่ระดับ 2.46% ในวันพฤหัสบดี ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับระดับ 2.53% ในสัปดาห์ก่อน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลดลงในช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน แต่ปรับตัวขึ้นวันพฤหัสบดี หลังเจ้าหน้าที่เฟดระบุถึงความเป็นไปได้ที่อาจมีการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 2/58 รวมทั้ง แรงซื้อจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาท (Onshore)

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง โดยเงินบาทเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ขณะที่ ตลาดยังคงติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เงินบาทที่อ่อนค่าเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ (ขายสุทธิ 13.0 และ 11.6 พันล้านบาทในระหว่างสัปดาห์ตามลำดับ) ประกอบกับมีความต้องการเงินดอลลาร์ฯ จากกลุ่มผู้นำเข้าในช่วงสิ้นเดือน และผู้ค้าทองด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ (30 พ.ค.) เงินบาทอ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 32.85 ในระหว่างวัน ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 32.82 เทียบกับระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ค.)

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (2-6 มิ.ย.) เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตาสถานการณ์การเมืองและมาตรการดูแลเศรษฐกิจของไทย ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลตลาดแรงงาน ดัชนี ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้าง ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังอาจจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (5 มิ.ย.) และดัชนี PMI เดือนพ.ค.ของหลายๆ ประเทศอีกด้วย

เงินยูโร และเงินเยนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ

เงินยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ก่อนจะลดช่วงติดลบท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินยูโรปรับตัวขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ หลังผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาสหภาพยุโรป (EU) สะท้อนว่า พรรครัฐบาลของยุโรปบางประเทศไม่ได้สูญเสียที่นั่งมากเท่ากับที่นักวิเคราะห์กังวลไว้ (แม้กลุ่มต่อต้าน EU จะครองที่นั่งได้เพิ่มขึ้นก็ตาม) อย่างไรก็ดี เงินยูโรกลับมาร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะประชุมในวันที่ 5 มิ.ย. หลังจากประธาน ECB แสดงความกังวลต่อราคาสินค้าที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน กระนั้น เงินยูโรทยอยฟื้นตัวกลับมาในช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันจากข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/57 ของสหรัฐฯ ที่หดตัวมากกว่าที่คาด

เงินเยนกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงไม่ส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนจะถูกกดดันเพิ่มเติมจากตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาส 1/57 ของสหรัฐฯ ที่หดตัวลง 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ในวันศุกร์ (30 พ.ค.) เงินยูโรอยู่ที่ 1.3610 เทียบกับ 1.3633 ดอลลาร์ฯ ต่อยูโรในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ค.) ส่วนเงินเยนอยู่ที่ 101.66 เทียบกับ 101.96 เยนต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า

ตลาดทุน

ตลาดหุ้นไทย

ดัชนี SET ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากมุมมองเชิงบวกต่อการจัดตั้งรัฐบาล โดยดัชนีปิดที่ระดับ 1,415.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.35% จากสัปดาห์ก่อน ด้านมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 21.73% จากสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 47,963.91 ล้านบาท โดยนักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสถาบันและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 444.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.94% จากสัปดาห์ก่อน

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดยนักลงทุนลดการถือครองหุ้นเพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง ก่อนที่จะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนในประเทศ ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดตั้งรัฐบาล

สำหรับแนวโน้มสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 2-6 มิ.ย. 2557 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด และบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจปรับตัวผันผวน โดยต้องระวังแรงขายทำกำไร ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนพ.ค. และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 1,408 และ 1,394 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 1,420-26 และ 1,442 จุด ตามลำดับ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดัชนี DJIA ปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางเครื่องชี้ตลาดแรงงานที่ออกมาแกร่ง โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนี DJIA ปิดที่ 16,698.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.56% จากสัปดาห์ก่อน ดัชนี DJIA ปรับเพิ่มขึ้นได้ในวันอังคาร หลังจากที่ตลาดปิดทำการในวันจันทร์ โดยได้รับแรงบวกจากการส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB ก่อนที่จะปรับตัวลงในวันพุธ โดยมีแรงขายทำกำไร ทั้งนี้ ดัชนีขยับขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังการรายงานตัวเลขการจ้างงานรายสัปดาห์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักกับการรายงานตัวเลข จีดีพีไตรมาส 1/57 ที่ทบทวนใหม่มากนัก

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ดัชนี Nikkei ปรับเพิ่มขึ้นหลังเงินเยนอ่อนค่าลง โดยเมื่อวันศุกร์ ดัชนี Nikkei ปิดที่ 14,632.38 จุด เพิ่มขึ้น 1.18% จากสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ สู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน ข้อมูลเศรษฐกิจของจีน และสหรัฐฯ ที่สดใส ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นที่ประกาศออกมายังคงปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ อันช่วยสร้างมุมมองเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาเงินฝืดที่เรื้อรัง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยมีขายทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้น 6 วัน