2 นางสิงห์ ค้าปลีก ปลุกปั้นดาว "คนละดวง"

2 นางสิงห์ ค้าปลีก ปลุกปั้นดาว "คนละดวง"

เมื่อ2นางสิงห์ แยกวงค้าปลีก สยามพิวรรธน์ ผนึกซีพี แซงโค้ง เดอะมอลล์ ผุดโปรเจคหรู เห็นการปั้นดาวคนละดวงชัด !!

นับเป็นการขยับเขยื้อนเคลื่อนทัพครั้งสำคัญของธุรกิจ “ค้าปลีก” เมื่อบรรดา “ยักษ์ค้าปลีก” ของไทยทั้งกลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ กรุ๊ป สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ทีซีซีแลนด์ ต่างทยอยเปิดตัวแวรี่ “บิ๊กโปรเจค” ค้าปลีกในรูปแบบต่างๆ สร้างสัญลักษณ์ให้กับประเทศไทยยิ่งใหญ่ในเวทีการค้าโลก

ที่ออกตัวก่อนใคร คือการเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ตามมาด้วยเดอะมอลล์ กรุ๊ป ของตระกูลอัมพุช ไม่น้อยหน้า ประกาศศักดาปูพรมลงทุนครั้งใหญ่ 6 โปรเจค มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ ทีซีซี แลนด์ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนาภักดี เล็งแผนขยายโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เฟสสอง

ทว่า...ที่แรงแซงทางโค้งต้องยกให้ “สยามพิวรรธน์" เจ้าของสยามดีสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน ผนึกกำลังกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. ของตระกูลเจียรวนนท์ ผนึกกำลังครั้งสำคัญเผยโฉม “ICONSIAM” อภิมหาโปรเจคริมน้ำเจ้าพระยา (เจริญนคร 5) โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร (มิกซ์ยูส) เริ่ดหรูอลังการ บนเนื้อที่ 50 ไร่ กับการผุดคฤหาสน์แบรนด์เนมระดับโลก คอนโดมิเนียมที่คาดกันว่า "ราคาขาย" จะทุบสถิติที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โครงการที่ว่านี้ยังสร้าง "สถิติใหม่" เมื่อการลงทุนมีมูลค่า “สูงสุด” เป็นประวัติการณ์ของภาคเอกชนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ 5 หมื่นล้านบาท

เหนืออื่นใด สิ่งที่เกิดขึ้นยังสะท้อนปรากฏการณ์ “ดาวคนละดวง” ของ 2 ดาวจรัสแสงแห่งวงการค้าปลีกอย่าง “แป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์ และ “แอ๊ว ศุภลักษณ์ อัมพุช” รองประธานกรรมการ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่ก่อนหน้านี้ได้อวดผลงานใหม่ปั้นค้าปลีกสู่ระดับ World class

สยามพิวรรธน์-ซี.พี. เลือกโรงแรมแมนดาริน โอเรียลเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งเยื้องโครงการ ICONSIAM คนละฝั่งแม่น้ำ เป็นสถานที่แถลงข่าวก้าวสำคัญ เนรมิตห้องบอลรูม พร้อมจอแอลอีดียาวเหยียดนับสิบเมตร ระดมสื่อมวลชนทั้งไทย-เทศคับคั่งจนห้องแคบไปถนัดตา พันธมิตรทั้งหมดปรากฏกายเบื้องหน้าเวที ตบท้ายที่ไฮไลต์สำคัญของโครงการที่ถูกพรรณนาละเอียดยิบจากปากเจ้าแม่ค้าปลีก “ชฎาทิพ”

เสียงปรบมือเกรียวกราวของทีมงานและแขกผู้มีเกียรติ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกระจ่างชัด

"วันนี้ฤกษ์งามยามดี วันแห่งความภาคภูมิใจที่จะมอบสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ไว้เคียงคู่ประเทศไทย สัญลักษณ์ใหม่ที่สง่างาม และเป็นอภิมหาโปรเจคที่เชิดชูสู่สายตาชาวโลก ทำให้โครงการนี้ยิ่งใหญ่สุดที่ภาคเอกชนเคยทำมา รวมสิ่งดีที่สุดของไทยและระดับโลก สร้างมาตรฐานใหม่สู่ความเป็นเลิศ" เธอเปิดฉากเล่า

หากแต่ข้อข้องใจเกิดขึ้น ถึงการจับขั้วพันธมิตรใหม่ จากที่เธอผูกสมัครกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยถือหุ้นฝ่ายละ 50% เนรมิต "สยามพารากอน" ซึ่งเป็นการลงทุนค้าปลีกที่ใหญ่สุดในเอเชียมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทในขณะนั้น ไฉนรอบนี้จึงไร้เงาพันธมิตรเก่า ที่ผ่านมายังมีกระแสข่าวว่า เดอะมอลล์ กรุ๊ป "ยกทัพ" กลับรังยกแผงไม่ว่าจะเป็น "กบ เกรียงศักดิ์ ตันติภิภพ" ผู้บริหารสยามพารากอน ก็กลับไปคุมทัพเอ็มโพเรียมของค่ายเดอะมอลล์ตามเดิม แม้กระทั่งทีมประชาสัมพันธ์ก็ตามนายกลับ ?

“สยามพิวรรธน์ เราจับมือกับทุกคนได้เสมอ ดูอย่างพาราไดซ์พาร์ค เราก็จับมือกับเอ็มบีเค (หนึ่งในผู้ถือหุ้นสยามพิวรรธน์) ” นี่คือคำตอบจากคำถามที่ว่า...ทำไมคุณแป๋ม ไม่จับมือศุภลักษณ์ แห่ง “เดอะมอลล์กรุ๊ป” พันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญค้าปลีกที่เคยร่วมสร้าง “สยามพารากอน” กันมา

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนหุ้นในสยามพารากอน ระหว่างสยามพิวรรธน์ กับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังไม่เปลี่ยนแปลง

"สัดส่วนการถือหุ้นของเรา ยังคงสัดส่วนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง" คล้ายจะยืนยันว่า "สองนางสิงห์ก็ยังอยู่ถ้ำเดียวกันได้"

ทว่า การที่สยามพิวรรธน์เลือกจับมือกับ “ซี.พี." ที่มาพร้อมบริษัทในอาณัติอย่าง “แม็กโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น” ร่วมถือหุ้นในสัดส่วน 50:25:25 โดยสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ส่งบุตรสาวสุดท้อง “บี ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น มาลอง “ลับฝีมือ” กับกูรูค้าปลีก ไม่ต่างจาก "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" นักการเมืองชื่อดังที่ส่งบุตรสาว "พราวพุธ ลิปตพัลลภ" มาลับคมค้าปลีก กับศุภลักษณ์ ในโครงการร่วมทุนรีสอร์ท มอลล์ "บลูพอร์ต หัวหิน"

การร่วมทุนนี้ยังนับเป็น "ครั้งแรก" ที่ทั้งคู่ร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ หลังรู้จักกันมานาน ในที่ประชุมร่วมโปรเจคนี้ บ่อยครั้งที่ทั้งคู่ใช้สรรพนามแทนกันว่า "พี่แป๋ม" กับ "น้องบี"

"รู้จักกันมานาน แต่ยังไม่เคยร่วมทุนทำธุรกิจ" ชฎาทิพ เล่าที่มาของผสานพลังกับบุตรสาวเจ้าสัวธนินท์ แห่งซี.พี.

นอกจากนี้ เหตุผลการกลมเกลียวกับราชันย์ธุรกิจเกษตรของไทยสู่สังเวียนค้าปลีกระดับ “Luxury” ยังเกิดจากเคมี (Chemistry) ที่เข้ากัน

“เรามีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการจะพัฒนาโครงการค้าปลีกระดับโลก นอกจากศักยภาพทางการเงิน”

เลยมาถึงเรื่องตัวเงิน เฉพาะทุนจดทะเบียนที่ทั้ง 3 บริษัทรวม 3,000 ล้านบาท และกำลังจะควักกระเป๋าเพิ่มทุนเพิ่มขึ้นอีกในเร็ววัน

"ทุนจดทะเบียนจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือการสร้างเมือง ไม่ใช่สร้างโครงการ" เธอย้ำ

ส่วนการที่บิ๊กโปรเจคเปิดตัวความร่วมมือเร็วไปตั้งแต่ปี 2555 แต่การพัฒนาโครงการดูเหมือนจะช้ากว่าแผน จนถูกคู่แข่งอย่างเซ็นทรัล เดอะมอลล์ กรุ๊ป ชิงตัดหน้าเปิดให้บริการ และเปิดตัวโครงการไปก่อน

ในเรื่องนี้เธอตอบว่า แม้หลายค่ายค้าปลีกชิงเปิดตัวไปก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต้องปรับแบบเปลี่ยนคอนเซ็ปต์โครงการแต่อย่างใด แถมยังมอง "ข้ามช็อต" ถึงเกมการแข่งขันบนสมรภูมิค้าปลีกที่ "ไกลกว่าประเทศไทย"

"เราก้าวข้ามการแข่งขันระดับ local ไปแล้ว” เธอบอก

ก่อนจะแก้ข่าวว่า..โครงการ ICONSIAM ไม่ได้ล่าช้า ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการตอกเสาเข็ม โครงการนี้ยังเกินคำว่า Mega Project ยกระดับเป็นการ “เนรมิตเมือง” สร้างอาณาจักรค้าปลีกแห่งใหม่ กระตุกทั้งโลกให้กันมามองเมืองไทย โดยเธอลั่นว่า..นี่ไม่ใช่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำเพื่อชาติ

ที่ต้อง "Above and Beyond"

สอดประสานวิสัยทัศน์ Mall ใหม่ที่จะใช้ดึงดูดผู้คนทั้งโลก ไม่ต่างจากสิงคโปร์ ที่มีมาริน่า เบย์แซนด์ส การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ , สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ที่มี ดูไบมอลล์, มาเลเซีย ที่มีตึกปิโตรนาส เป็นต้น

"ทำไมไทยจะมีสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่เทียบชั้นระดับโลกไม่ได้ !!"

"ประเทศไทยไม่มี New story เพื่อขายต่างประเทศมานานแล้ว" เธอฉายภาพ การท่องเที่ยวไทยไร้สัญลักษณ์ใหม่ๆ ที่จะตรึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางมาเยือน เลยต้องระดมกึ๋นระดับชาติ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักผังเมืองกรุงเทพ ผุด “แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา” จูงมือผู้ประกอบการ 30 โครงการใหม่ ตลอดระยะทาง 10 กิโลเมตรริมแม่น้ำ มาสาน "ภารกิจใหญ่" ให้โลกประจักษ์ ในการปั้นแลนด์มาร์ค ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

แม้ชฎาทิพจะเป็นนักธุรกิจมือฉมังในแวดวงศูนย์การค้านานเกือบ 3 ทศวรรษ แต่โครงการ ICONSIAM กลับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง กับการพลิกผืนดินริมน้ำเจ้าพระยาเป็นอาณาจักร

"พี่ทำค้าปลีกมา 30 ปี แต่สยามพิวรรธน์เราอยู่ในวงการค้าปลีกมาถึง 50 ปี" เธอพูดเสียงสูง

อีกปัจจัยที่ทำให้ถูกปรามาสว่าโปรเจคล่าช้า เกิดจากการกว้านซื้อที่ดินขยายอาณาจักรค้าปลีกเพิ่ม กว่า 1 ปีเศษที่ทยอยซื้อที่ดินจาก 40 ไร่ เป็น 50 ไร่ แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอลดละที่จะฮุบทำเลทองระลอกใหม่ ทำให้เวลา 3 ปีจากนี้ ต้องจับตาการพัฒนาอภิมหาโปรเจค แบบห้ามกะพริบตา !!

หลายคนตั้งคำถามกับ "ชฎาทิพ" ว่า...ทำไมต้อง "ICONSIAM" คำตอบตรงตัว คือต้องสรรสร้าง "สัญลักษณ์" ประดับไว้ในชาติไทย

ก้าวไกลเป็น The best of mall, The best of the world

เมื่อโปรเจคอลังการ ถูกถามถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เพิ่งพ้นขอบเหว จากสถานการณ์ทางการเมือง เธอหนักแน่นในคำตอบว่า..

"ทุกคนอยู่กับแป๋มมานาน (บรรดาผู้สื่อข่าว) และโดนถามตลอด (ถึงการเมือง) แป๋มก็จะพูดประมาณนี้ว่า ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ สยามพิวรรธน์ก็จะลงทุน"

เธอยังให้ทัศนะว่า ตั้งแต่การเมืองป่วน "ทุนนอก" ในธุรกิจค้าปลีกไม่ได้ใส่เกียร์ถอย ร้านอาหารจากจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี หรือแม้แต่ชาติตะวันตกอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ ล้วนลงชื่อจับจองพื้นที่ค้าขายกับสยามพิวรรธน์กันแน่น

“ต่างประเทศมั่นใจในประเทศไทย เราก็ต้องมั่นใจในประเทศเราด้วย”

แถมยังเล่าด้วยว่า เพราะเมืองไทยมีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง แม้สมรภูมิการเมืองจะดุเดือด แต่เมื่อการเมืองจบ "3 เดือนเท่านั้นยอดขายเด้ง ! ฟื้นตัวกลับมาเลย" นี่คือข้อดี

ICONSIAM จะทำให้ชฎาทิพ พลิกโฉมค้าปลีกล้ำไปอีกขั้น กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดทุกสายตาจากทั่วโลกให้กลับมามองไทยได้หรือไม่ อีก 3 ปี (2560) ซึ่งเป็นปีการเปิดให้บริการของ ICONSIAM เมื่อนั้นทุกอย่างย่อมประจักษ์

จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองดอกไม้เหล็กแห่งวงการค้าปลีก แม้จะแยกทางกันสร้างความยิ่งใหญ่ ทว่าสิ่งที่ "ทั้งคู่" มีเหมือนกันคือ การลงทุนของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และเดอะมอลล์ กรุ๊ป ล้วนมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกมุ่งสู่ค้าปลีกระดับ "Wolrd class"

หากแต่ใครจะเป็น "ดาวเด่น" เจิดจรัส "กว่ากัน..!" คงต้องให้เวลาและความสำเร็จเป็นตัวชี้วัด

--------------------------------

วงโคจร "ซี.พี." ผนึก "สยามพิวรรธน์"

ที่มาของการจับคู่ ของ 2 นักธุรกิจหญิงจาก 2 ขั้วยักษ์ใหญ่ แป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามพิวรรธน์ ผู้สร้างหน้าประวัติศาสตร์ค้าปลีกเมืองไทย อย่างสยามพารากอน กับฟากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลูกสาวคนสุดท้องของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ อย่าง บี ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ดีเวลล็อปเปอร์

อะไรทำให้คนคู่นี้ "โคจรมาพบกัน"

บี ทิพาภรณ์ เป็นผู้บริหารหญิงและทายาทเจ้าสัวที่วางตัวโลว์ โปรไฟล์ ตลอดเวลาแห่งการโลดแล่นในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับคำพูดสงวนถอยคำ หลายครั้งยังไม่ออกหน้าในฐานะซีอีโอ

จุดเริ่มต้นของอภิมหาเมกะโปรเจควงการอสังหาริมทรัพย์นี้ เกิดจากการที่ซี.พี.ได้ครอบครองที่ดินผืนงามเนื้อที่ 40 ไร่ ริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งอดีตเป็นโรงสีเก่า พื้นที่รกร้างว่างเปล่าแต่กลับขนาบข้างด้วยโรงแรมหรูหราอย่างมิลเลนเนียม ฮิลตัน ทางฝั่งซ้าย และเพนนินซูล่า ทางฝั่งขวา เยื้องกันๆ กันคนละฝั่งแม่น้ำยังเป็นโรงแรม แมนดาริน โอเรียลเต็ล

ที่ดินผืนงามขนาดนี้ จะปล่อยทิ้งร้าง ย่อมไม่ใช่วิสัยของนักธุรกิจ

วงในเล่าว่า ด้วยความบังเอิญมีคนมาเสนอขายที่ดินแปลงนี้ให้กับกลุ่มซี.พี. ที่ไม่รอช้าซื้อทันทีในราคาเหยียบ 4,000 ล้านบาท (265,000 บาทต่อตารางวา) ระหว่างคิดหาไอเดียปั้นที่ดินผืนงามแห่งนี้ให้เกิดมูลค่าเป็นทำเลทองริมแม่น้ำเจ้าพระยา

อีกฟากหนึ่ง แป๋ม ชฎาทิพ เจ้าแม่ค้าปลีกเมืองไทย ก็วาดฝันไว้มานานแล้วว่า หลังจากสร้างปรากฏการณ์สยามดิสคัฟเวอร์รี่ สยามพารากอน เป็นผลงานชิ้นโบแดง เป็นที่สุดของศูนย์การค้าใจกลางเมืองแล้ว

"ขั้นกว่า" คือการเนรมิตค้าปลีก “ริมน้ำเจ้าพระยา”

แม้ต่างที่มา แต่เป้าหมายเดียวกัน มือปั้นบ้านและคอนโดหรูหรา กับมือปั้นศูนย์การค้าระดับเวิร์ลคลาส ทั้งคู่จึงโคจรมาพบกัน

โดยมี "ศุภชัย เจียรวนนท์" กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร ทรู คอร์ปอเรชั่น พี่ชาย ทิพาภรณ์ ชวนให้มาทำความรู้จัก

เพราะศุภชัย รู้จักดีกับแป๋ม ชฎาทิพ มาก่อน เมื่อน้องสาวมาปรึกษา เพื่อปลุกปั้นธุรกิจบนที่ดินผืนงาม พี่ชายก็ไม่รอช้าชักนำให้รู้จักกับหญิงเก่งแห่งวงการค้าปลีกเพื่อผนึกพลังธุรกิจ "วงใน" เล่า

พลันที่ชฎาทิพมีสถานะเป็นหุ้นส่วนปั้นที่ดินผืนงามริมน้ำเจ้าพระยา จิ๊กซอว์ภาพในฝันของ 2 นักธุรกิจยักษ์ใหญ่ก็ผุดพรายขึ้น กับการเนรมิต ค้าปลีกผสมผสาน ที่รวมทั้งคอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า และ 7 สิ่งมหัศจรรย์ เพื่อดึงดูดให้คนมาเยือน เป็นสัญลักษณ์แห่งสยาม

ทว่า นโยบายการร่วมทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจเกษตร ยังยึดสไตล์อนุรักษ์นิยม จะออกตัวบรรเลงเองทั้งหมดคงไม่ได้ เมื่อดึงมืออาชีพ อย่างสยามพิวรรธน์มาร่วม จึงต้องหลีกทางให้สยามพิวรรธน์วาดลวดลาย สังเกตได้จากวันแถลงข่าวบิ๊กโปรเจค เหล่าผู้บริหารซี.พี. "พูดน้อยมาก"

“อะไรที่ไม่ถนัดและไม่เคยทำอย่างศูนย์การค้าในเมืองไทย แม้ซี.พี.จะทำซูเปอร์แบรนด์มอลล์ในเมืองจีน แต่หากในเมืองไทยก็ต้องหลีกทางให้สยามพิวรรธน์ ที่มีชื่อเสียงวงการค้าปลีก เป็นคนจัดการทั้งหมด" ประโยคหนึ่งของที่ธนากร เสรีบุรี รองประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เล่าให้ฟังถึงนโยบายถึงการร่วมทุนครั้งนี้

หลายคนยังมองว่าซี.พี.อ่อนประสบการณ์กับการเนรมิตศูนย์การค้า

ทว่า หากเปิดโปรไฟล์ ซี.พี.กรุ๊ปในเมืองจีน นับว่าไม่ธรรมดา ที่ผ่านมา ซี.พี.เสนอตัวปั้นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ต่อรัฐบาลจีนในหลายมณฑล แม้กระทั่งเคยจับมือกับเดอะมอลล์กรุ๊ป เข้าร่วมประมูลงานออกแบบคอมเพล็กซ์ เมืองใหม่ตามแนวรถไฟฟ้า มาแล้ว

ณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุโส ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ลูกชายคนกลางของเจ้าสัวธนินท์ เขาคือตัวแทนจากซี.พี. รับหน้าที่ดูแลธุรกิจค้าปลีกในเมืองจีน บอกว่า สำหรับโครงการที่ร่วมกับสยามพิวรรธน์ เขาจะดูแลภาพรวมนโยบายและกำหนดกลยุทธ์ ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด ปล่อยให้เป็นมือโปรอย่างสยามพิวรรธน์เป็นผู้บริหารจัดการ

ส่วนบี ทิพาภรณ์ เธอโดดเด่นในเรื่องการเงิน เพราะจบทั้งปริญญาตรี และโททางด้านการเงิน จากมหาวิทยาลัย บอสตัน สหรัฐอเมริกา จึงทำหน้าที่ช่วยดูแลการเงินควบคู่กับชฎาทิพ

ว่ากันว่าตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีการประชุมหนัก จนเรียกได้ว่าเป็นทีมงานที่เข้าขากันไปแล้ว

นอกจาก ไอคอนสยาม จะเป็นการรวมตัวของ 2 ยักษ์ใหญ่ ยังดึงเอามือการตลาดจากเมกาบางนา "แคโรไลน์ เมอร์ฟี่ย์" สาวมือขายสัญชาติไอริชอเมริกัน ผู้ดึงแบรนด์เนมเต่างแดนเข้ามาจำหน่ายในเมกาบางนาจนแน่น ผลงานจึงเข้าตา ถูก "ไอคอนสยาม" ดึงตัวมาเสริมทัพปั้นโปรเจคระดับยักษ์นี้อีกแรง ในตำแหน่ง รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด