ไดอาน่าฯจับมือมือพันธมิตรทุ่มลงทุน1,900ล.

นายเนตร จันทรัศมี กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ จำกัด เจ้าของศูนย์การค้าไดอาน่าดีพาร์เม้นท์สโตร์ เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” ทางบริษัทเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนในปีนี้และปีหน้า (2558) กว่า 900 ล้านบาท สำหรับการการลงทุนและปรับปรุงห้างฯ

ประกอบด้วย 1.โครงการลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่า โดยการต่อเติมจากตัวอาคารของห้างฯมีการวางฐานรากเพื่อรองรับอาคารสูงไวด้แล้ว สูง 6 ชั้น รวมพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างประมาณกลางปีหน้า (2558) ใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี

“เหตุผลที่ตัดสินใจลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่า เกิดจกามีตัวแทนบริษัทญี่ปุ่นเดินทางมาดูสถานที่ เพื่อเช่าพื้นที่เป็นสำนักงานสาขา โดยมีพนักงานประมาณ 800 คน และสนใจเช้าพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร”

ก็เลยตัดสินใจ เนื่องจากมีแนวโน้มธุรกิจมีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยบริษัทญี่ปุ่นที่สนใจจะมาเช่าพื้นที่ ต้องการขยายธุรกิจมาในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นการขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตการค้าและการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะการเปิดเออีซีในปี 2558

เนื่องจาก อ.หาดใหญ่ เป็นเมืองชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ทำให้บริษัทในส่วนกลางและต่างประเทศมีโครงการเปิดสำนักงานในภูมิภาคมากขึ้น จึงเชื่อว่าอาคารสำนักงานให้เช่าที่ทางบริษัทลงทุนจะมีลูกค้ากลุ่มนี้รองรับ

“บวกกับราคาให้เช่าที่เราเชื่อว่าต้นทุนของเราต่ำ เป้าหมายในการตั้งราคาค่าเช่าไว้ที่ 290 บาท/ตารางเมตร ในขณะที่บริษัทส่วนกลางที่มีโครงการจะมาลงทุนอาคารสำนักงานให้เช่ากำหนดราคาไว้ที่ 400 บาท/ตารางเมตร ในขณะที่ของเราตั้งอยู่ในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าได้เปรียบคู่แข่ง”

นอกจากนี้ยังพื้นที่ติดกับห้างฯจะมีการลงทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 300 กว่าห้อง ซึ่งจะมีเชื่อมกับทางห้างฯ ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้าที่จะมาเช่าพื้นที่สำนักงานของบริษัทให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

2.โครงการก่อสร้างโอเพ่นมอลล์มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้าน และการตกแต่งพื้นที่อีกประมาณ 300 ล้านบาท รวม 600 ล้านบาท โดยมี 2 รูปแบบ คือ รูปแบบมีแอร์ และไม่มีแอร์ ภายในโอเพ่นมอลล์ ก็จะ ประกอบด้วย ร้านอาหาร ร้านจำหน่าย สินค้าแบรนด์ชั้นนำ

โดยะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะรองรับกลุ่มลูกค้าครอบครัว กลุ่มคนทำงาน ที่จะมาช้อปปิ้งและรับประทานอาหารแบบครอบครัว สังสรรคกันในกลุ่มเพื่อน เนื่องจากช่วงเวลาที่เปิดให้บริการจะสอดรับกับเวลาปิดของห้างฯที่ปิดให้บริการ

“โครงการนี้จะเป็นโครงการที่รองรับกลุ่มลูกค้าที่ที่ไม่สามารถเดินทางมาช้อปปิ้งในห้างฯเดิมที่เปิดให้บริการแค่ 22.00 น.และกลุ่มลูกค้าโรงหนังรอบสุดท้ายประมาณ 24.00 น. กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ก็สามารถใช้บริการโอเพ่นมอลล์”

ในขณะที่จุดเด่นของโอเพ่นมอลล์ที่จะสร้างตั้งอยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวของเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ และเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆของเมืองหาดใหญ่ ทำให้เสริมศักยภาพของโอเพ่นมอลล์เป็นจุดนัดพบใหม่ของเมือง

“การก่อสร้างโครงการนี้ก็จะเริ่มดำเนินการพร้อมๆกับโครงการสำนักงานให้เช่า ก็จะแล้วเสร็จในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ประมาณ 2 ปี”

3.โครงการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าและพลาซ่าทั้งหมดด้วยงประมาณ 150 ล้านบาท ประกอบการปรับปรุงอาคารภายนอกทั้ง 5 ชั้น รวมถึงพื้นที่ชั้นใต้ดิน รวมพื้นที่ในห้างฯทั้งหมด 78,000 ตารางเมตร ซึ่งขณะนี้มีการปรับปรุงไปแล้ว 2 ชั้น เหลืออีก 2 ชั้น รวมถึงการปรับปรุงสวนสนุกพื้นที่ประมาณ 2,000 กว่าตารางเมตร

“ตอนนี่เรามีการปรับปรุงไปแล้วประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ การปรับปรุงทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปีปลายปีหน้า (2558) ซึ่งจะสอดรับการเปิดเออีซีพอดี”

นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับกลุ่มทุนส่วนกลางในการปรังปรุงโรงหนังใหม่ทั้งหมด 5 โรง และขยายเพิ่มอีก 1 โรง เพื่อให้เป็นโรงหนังที่ทันสมัย และขยายพื้นที่สำหรับการเพิ่มจำนวนโรงหนังอีก 3 โรง เพื่อให้มีโรงหนังได้ทั้งหมดถึง 9 โรง

นายเนตร กล่าวว่า การลงทุนของบริษัทครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนับในรอบ 30 ปี ในการก่อตั้งห้างฯ เพื่อรองรับความเจริญของเมือง การเติบโตของเศรษฐกิจจ และการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในอนาคตที่จะต้องมีจุดขายและจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ

ซึ่งจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจของบริษัทคือ ต้นทุนและการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่ส่งเสริมกัน โดยเฉพาะต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขันของธุรกิจในปัจจุบัน เช่นต้นทุนที่ดิน 20 ไร่ ที่ตั้งของห้างฯในปัจจุบัน ซื้อมาในราคา 500,000 บาทสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ปัจจุบันราคาที่ดินบริเวณนี้ราคาประเมินต่ำสุดประมาณ 60 ล้านบาท/ไร่ รวมมูลค่า 1,600 ล้านบาท ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าที่เปิดดำเนินการคืนทุนหมดแล้ว ในขณะที่ตัวห้างฯมีมูลค่าตามการทำประกันภัย 1,200 ล้านบาท ทำให้ผลจากการลงทุนเพิ่มในครั้งจะทำให้มูลค่าโครงการของห้างฯมีมูลค่าอยู่ที่ 4,710 ล้านบาท

นอกจากนี้ทางบริษัทฯมีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนทางด้านการเงิน เนื่องจากบริษัทแม่ของห้างฯคือบริษัทพิธานพาณิชย์จำกัด ตั้งอยู่ที่จังหวัดปัตตานี ทำให้บริษัทใช้สินเชื่อโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ (ซอฟโลน) ที่ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้เปรียบบริษัทจากส่วนกลาง

“บริษัทแม่คือบริษัทพิธานพาณิชย์จำกัด เรามียอดขายปีละกว่า 21,000 ล้านบาท เราสามารถใช้บริการสินเชื่อที่มีต้นทุนต่ำได้อีกทาง นอกเหนือจากสินเชื่อดอกเบี้ยเศษสำหรับพื้นที่ 4 จังหวัดและ4อำเภอของจังหวัดสงขลาแล้ว” กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์การค้าไดอาน่าคอมเพล็กซ์ จำกัด

นายสุธี ปรีชาวุฒิเดช กรรมการ บริษัทแกรนด์ มารีน่า กรุ๊ป จำกัด เปิดเผย “ผู้สื่อข่าว” บริษัทมีโครงการโรงแรมระดับ 4 ดาว ชื่อ “แกรนด์มารีน่า” บนเนื้อที่ 2 ไร่ ริมถนนศรีภูวนารถ (ติดกับห้างไดอาน่าฯ) เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท

“เป็นโรงแรมขนาด 306 ห้อง สูง 29 ชั้น มีที่จอดรถ 500 คัน มีภัตตาคารลอยฟ้าชั้นที่ 29 มีพื้นที่จัดปาร์ตี้ริมสระน้ำชั้น 12 รวมถึงห้องประชุมสัมมนาขนาด 50 คน จนถึง 1,000 คน จำนวน 5 ห้อง สปา ฟิตเนส สระว่ายน้ำที่เป็นสระที่มองเห็นเส้นขอบฟ้า”

โดยการก่อสร้างจะเริ่มได้ประมาณกลางปีหน้า (2558) ตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี แล้วเสร็จในปี 2560 โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ ในประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์

"หาดใหญ่เป็นเมืองศูนย์กลาง เมืองชายแดน เป็นประตูในการรองรับเออีซี เป็นพื้นที่ๆมีศักยภาพด้านการลงทุนในธุรกิจโรงแรม" กรรมการบริษัทบริษัทแกรนด์ มารีน่า กรุ๊ป จำกัด กล่าวและว่า ที่ดินสำหรับก่อสร้างโรงแรมเป็นที่ดินที่ซื้อมานานแล้ว ซึ่งราคาไม่สูง

แต่หลังจากที่ตัดสินใจลงทุนได้มีการซื้อที่ดินเพิ่ม เพื่อเพิ่มทางเข้า-ออกให้สะดวกมากขึ้น และเชื่อว่าการที่ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้าจะเป็นจุดแข็งให้กับโรงแรม เนื่องจากผู้ใช้บริการจะมีความสะดวกมากขึ้นในการช้อปปิ้ง

โดยในอนาคตจะมีจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน เพื่อสร้างให้เป็นจุดแข็งซึ่งกันและกัน เป็นการเอื้อธุรกิจระหว่างกัน และจะทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นย่านการค้าแห่งใหม่ของหาดใหญ่ เนื่องจากมีทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงานให้เช่าของห้างฯ และคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดกับห้างฯ