แห่จองเที่ยวบินหรูเอทิฮัด

แห่จองเที่ยวบินหรูเอทิฮัด

ผู้โดยสารเครื่องบินแห่จองที่นั่งในชั้นสวีท บนเครื่องบินหรูซูเปอร์จัมโบ เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด แอร์ไลน์ส

บรรดาผู้โดยสารเครื่องบิน พากันให้ความสนใจกับที่นั่งในชั้นสวีท บนเครื่องบินหรูซูเปอร์จัมโบ เอ380 ของสายการบินเอทิฮัด แอร์ไลน์ส จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ส่งผลให้ยอดจองล่วงหน้าเต็มไปอีก 10 เที่ยวบิน

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเอทิฮัด แอรเวย์ส "นายเจมส์ โฮแกน" บอกว่า ที่นั่งชั้นสวีท บนเครื่องซูเปอร์จัมโบ้ เอ380 เครื่องแรกของสายการบินนั้น ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้โดยสาร

ชั้นโดยสารระดับหรูหรา "เดอะ เรซิเดนซ์" นี้ มีพื้นที่โดยสารถึง 3 ห้องได้แก่ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำ รวมถึงพ่อบ้านที่บริการตลอดเวลา สามารถเข้าพักได้ 2 คน โดยเอทิฮัดกำหนดราคาค่าตั๋วสำหรับผู้โดยสารชั้นนี้ไว้ที่ 20,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 640,000 บาท ซึ่งนายโฮแกน เผยด้วยว่า ยอดจองที่นั่งชั้นนี้ มากกว่ายอดจองที่นั่งระดับเฟิร์สต์คคลาส ที่กินพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของเครื่องบินลำที่ให้บริการนี้

ซีโอโอรายนี้ บอกว่า บริษัทรู้สึกดีใจข่าวนี้อย่างมาก และว่า ราคาดังกล่าวจะครอบคลุมเฉพาะการเดินทางแบบเที่ยวเดียว และใช้เวลา 8 ชั่วโมงเท่านั้น โดยเครื่องบินซูเปอร์จัมโบ้เอ 380 เครื่องแรกของเอทิฮัด จะเดินทางจากสนามบินในกรุงอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปยังกรุงลอนดอนของอังกฤษ ในวันที่ 27 พ.ย.นี้

นายโฮแกน มองว่า เที่ยวบินที่หรูที่สุดนี้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับบน จากสายการบินคู่แข่งขนาดใหญ่อย่าง เอมิเรตส์ และ กาตาร์ แอร์เวย์ส ที่เพิ่งเพิ่มเครื่องบินรุ่นนี้เข้ามาให้บริการเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่สายการบินระดับโลกอย่าง สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส มีให้บริการแล้ว ตั้งแต่ปี 2550

สายการบินเอทิฮัดได้รับการยืนยันการจองห้องโดยสารชั้นสวีทจนเต็มล่วงหน้าไปถึง 10 เที่ยวบิน และมีแผนที่จะให้บริการเส้นทางไปยังกรุงลอนดอนด้วยเครื่องบินหมายเลข 2 และ 3 ซึ่งในอนาคตมีแผนจะให้บริการเส้นทางการบินนี้ ด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ทั้งหมด และเตรียมขยายไปยังนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย และนครนิวยอร์กของสหรัฐ ช่วงปลายปี 2558

อย่างไรก็ตาม คู่แข่งอย่างเอมิเรตส์กำลังปรับปรุงการให้บริการโดยสารชั้นหนึ่ง ขณะที่ กาตาร์ แอร์เวย์ส ได้จำกัดการให้บริการดังกล่าว รวมถึงเที่ยวบินที่ให้บริการโดยเครื่องรุ่น แอร์บัส เอ380 และ โบอิง 787

นายโฮแกน ยังเผยว่า บรรดาสายการบินในแถบตะวันออกกลาง กำลังหาทางที่จะขยายธุรกิจ ท่ามกลางภัยคุกคามด้านกฎระเบียบการบินของยุโรปและสหรัฐ แม้ว่าข้อตกลงระหว่าง 2 ฝ่าย จะอนุญาตให้มีการแข่งขันมากขึ้น ผ่านการเพิ่มการให้บริการ และการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น

"สิ่งที่เราเจอในขณะนี้ คือแรงกดดันอย่างหนักจากสหรัฐ และยุโรป ซึ่้งสร้างความท้าท้ายให้กับข้อตกลงด้านบริการทางอากาศของกลุ่มสายการบินแถบอ่าว และเป็นสิ่งที่พวกเราคัดค้านอย่างมาก เพราะเห็นว่าเป็นการปกป้องอุตสาหกรรมท้องถิ่น อันเป็นพฤติกรรมที่ขัดขวางต่อการพัฒนาในระดับโลก และยังจำกัดตัวเลือกด้วย "