'AFET'เล็งตั้งกองทุนยางเฉพาะกิจ400ลบ.
"AFET" เล็งตั้งกองทุนยางเฉพาะกิจ 400 ล้านบาท ใช้ซื้อยางในตลาด คาดดำเนินการได้ในไตรมาส 1/58
นายวิวัฒน์ ตีระวนิชพงศ์ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET) เปิดเผยว่า มีแผนจะจัดตั้งกองทุนยางเฉพาะกิจ มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท โดยเงินลงทุนจะมาจากรัฐบาล 50% และเอกชนอีก 50% ซึ่งเป็นผู้ประกอบการยางพารา 6-7 ราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อซื้อยางในตลาด AFET ซึ่งแผนนี้ได้มีการนำเสนอรัฐบาลแล้ว และรัฐบาลจะไปหารือในรายละเอียดเรื่องการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ได้ไปเจรจากับ บลจ.ไนพาณิชย์ และ บลจ.กสิกรไทยแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ และสัปดาห์หน้าจะไปหารือกับบลจ.กรุงศรีอยุธยา และบลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เป็นลำดับต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะมีคนสนใจร่วมแผนจัดตั้งกองทุนฯ อย่างน้อย 1 ราย และน่าจะเริ่มจัดตั้งกองทุนยางเฉพาะกิจเป็นรูปธรรมได้ในช่วงไตรมาส 1/58
ส่วนทิศทางราคายางในปีหน้าจะเป็นขาขึ้น เนื่องจากมองว่าราคายางได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าราคายางในปีหน้าจะไม่ต่ำกว่า 60บาท/กก. โดยมีปัจจัยหนุนคือ 1.ประเทศจีนอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้เชื่อว่าความต้องการใช้ยางจากจีนน่าจะเริ่มกลับมาแล้ว 2.บีโอไอทยอยอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนอีกจำนวนมาก ล่าสุดมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถอีโคคาร์อีกหลายหมื่นล้านบาท 3.มีการส่งเสริมให้เพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้มากขึ้นจาก 10-14% ของปริมาณผลผลิตยางทั้งประเทศเป็น 20%
"ผมว่าราคายางผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จากนี้น่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น คาดว่าราคาปี 58 ไม่น่าจะต่ำกว่า 60บาท/กก." นายวิวัฒน์ กล่าวระหว่างการศึกษาดูงานตลาดกลางยางพารา ที่ จ.นครศรีธรรมราช
ด้านนางอธิวีณ์ แดงกนิษฐ์ เศรษฐกรชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช กล่าวถึงตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราชว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบแผนพัฒนาโครงสร้างระบบตลาดยางพาราด้วยงบประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยเบื้องต้นจะให้งบ 62.1 ล้านบาทแก่ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราชเพื่อนำไปใช้ขยายก่อสร้างโกดังเพื่อรองรับปริมาณยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรได้มากขึ้น ถือเป็นโครงการนำร่อง ก่อนจะขยายไปสู่ตลาดกลางหลักในแห่งอื่นๆ ของประเทศไทยภายในปี 2560
"เป้าหมายโครงการนี้ คือพัฒนาตลาดกลางยางพาราของไทยให้เกิดความเข้มแข็ง ไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร เนื่องจากเกษตรกรนำยางมาขายให้ตลาดกลางจะได้ราคาสูงกว่านำไปขายให้พ่อค้าหรือตลาดทั่วไป เช่น ที่ตลาดกลางนครศรีฯจะรับซื้อยางในราคาสูงกว่าราคาที่นำไปขายให้ตลาดทั่วไปประมาณ 2.19 บาท/กก. ทำให้เกษตรกรพึงพอใจ จนปัจจุบันมีเกษตรกรนำยางมาขายให้ตลาดกลางนครศรีฯ ถึงวันละ 200-400 ตัน" นางอธิวีณ์ กล่าว