3ปัจจัยเสี่ยงกระทบศก.กดรายได้ครัวเรือน-บริโภค

เศรษฐพุฒิ ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจไทยปีนี้ "ดอลลาร์แข็ง-น้ำมันลด-สินค้าโภคภัณฑ์ร่วง"
“เศรษฐพุฒิ” ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจไทยปีนี้ 'ดอลลาร์แข็ง-น้ำมันลด-สินค้าโภคภัณฑ์ร่วง' หวังลงทุนภาครัฐพยุงเศรษฐกิจฟื้น มั่นใจทั้งปีโตได้ 4% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ ห่วงรายได้ครัวเรือน ฉุดการบริโภค ขณะที่"เวิลด์แบงก์-เอดีบี" ห่วงบริโภคฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนกดดัน
การเติบโตของเศรษฐกิจไทยรอบปีที่ผ่านมา ขยายตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพ จากปัจจัยด้านการเมือง ที่ทำให้การลงทุนภาครัฐสะดุดลงช่วงต้นปี ส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคภาคครัวเรือน ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า ทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบด้วย ทุกฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี2558 น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี2558 เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ประเมินการเติบโตไว้ที่ 4% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานของปี2557 อยู่ระดับต่ำ
3ปัจจัยเสี่ยงกดเศรษฐกิจปี58
ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มี 3 เรื่องหลัก คือการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ เป็นผลจากเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไหลกลับไปยังสหรัฐ ทำให้ประเทศที่พึ่งพาเงินกู้ยืมต่างประเทศมากมีความเสี่ยงที่จะเผชิญปัญหาได้ เวลานี้ก็เริ่มเห็นผลกระทบบ้างแล้ว โดยเฉพาะบางประเทศในตลาดเกิดใหม่
ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ทำให้สถาบันการเงินที่มีธุรกรรมกับกลุ่มประเทศที่พึ่งพารายได้จากการขายน้ำมัน รวมไปถึงบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงาน และพลังงานทดแทนเริ่มที่จะเสี่ยงเพิ่มขึ้น ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาอาจกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้ แต่แบงก์พาณิชย์ไทยยังถือว่าแข็งแกร่ง สะท้อนจากระดับของเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อยู่ระดับสูง
ศก.จีนชะลอกดราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ประเด็นถัดมาคือจีน ในอดีตเศรษฐกิจจีนเติบโตเร็วมาก เศรษฐกิจจีนแม้จะมีสัดส่วนต่อเศรษฐกิจโลก 13-14% แต่ในเชิงของการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ จีนมีสัดส่วนสูงถึง 50% เช่น การบริโภคซีเมนต์ที่สูงราว 50% เหล็ก 60% การเติบโตของเศรษฐกิจจีนช่วงที่ผ่านมา จึงผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ปรับเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นหากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว คงมีผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับลดลง
“ถ้าเศรษฐกิจจีนชะลอ สิ่งที่กระทบไทยคือการท่องเที่ยว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ผ่านมาพอจีนชะลอตัว ราคายางพาราก็ลดลง บ้านเราราคาสินค้าเกษตรมีผลมาก เนื่องจากแรงงานกว่า 40% อยู่ในภาคเกษตร” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ลุ้นลงทุนรัฐพยุงเศรษฐกิจฟื้น
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยจะดีหรือไม่ ปัจจัยสำคัญอีกตัว คือการใช้จ่ายของภาครัฐ เป็นตัวที่ทุกคนตั้งความหวัง แม้ว่าการลงทุนของภาครัฐปีแรกๆ เม็ดเงินที่ออกมาจริงจะยังไม่มากนัก แต่ความชัดเจนของการลงทุนจะเป็นตัวดึงให้เอกชนลงทุนตาม
“ความชัดเจนของนโยบายรัฐ จะช่วยการลงทุนเอกชน ถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย ส่วนราคาสินค้าเกษตรคงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เป็นเรื่องของราคาตลาดโลก”
ห่วงรายได้ครัวเรือนฉุดบริโภค
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ภัทร กล่าวว่าปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยปีนี้ มี 3-4 เรื่องที่ต้องติดตาม คือการส่งออก ราคาสินค้าเกษตร การใช้กำลังการผลิตของภาคเอกชน และหนี้ครัวเรือน ทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อการบริโภค
สำหรับการส่งออก มีสัดส่วน 60-70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ดังนั้นถ้าการส่งออกไม่ฟื้นตัว เศรษฐกิจไทยปีนี้ คงจะเติบโตได้ไม่มาก ตรงนี้ยังมีผลถึงการใช้กำลังการผลิตของภาคเอกชน ปัจจุบันไทยใช้กำลังผลิตเพียง 60% ถ้าส่งออกยังไม่ฟื้นตัว การใช้กำลังผลิตเหล่านี้ก็คงเพิ่มได้ไม่มาก จะมีผลต่อการทำงานล่วงเวลา
ส่วนราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าวและยางพารา ต้องติดตามสถานการณ์ในตลาดโลกว่าเป็นอย่างไร หากราคาตกต่ำก็จะกระทบต่อรายได้เกษตรกร ส่งผลต่อการบริโภค ขณะที่หนี้ครัวเรือนทรงตัวในระดับสูง ยังเป็นปัจจัยที่กดดันการบริโภค
“จริงๆที่ห่วงปีนี้ คือเงินในกระเป๋า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนกระทบต่อเงินในกระเป๋าของคน โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา” นายพิพัฒน์กล่าว
วิตกปัจจัยภายนอกฉุดศก.โตต่ำคาด
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ ยังคงประเมินการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้ที่ 4% ปัจจัยหนุนการเติบโตส่วนใหญ่เป็นปัจจัยภายใน ขณะเดียวกันยังต้องจับตาดูปัจจัยภายนอกด้วย อาจเป็นตัวฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก็ได้
“สมมติฐานขั้นพื้นฐานยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปี2558 จะฟื้นตัวได้จากการส่งออก และการลงทุนภาครัฐ ทั้ง 2 ตัว จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจโลกเอื้อต่อการเติบโตหรือไม่ ขณะนี้มีประเด็นใหม่เข้ามาคือรัสเซีย ณ จุดนี้ หลายคนประเมินว่ายังไม่แรงพอ ให้ปรับตัวเลข แต่ยังต้องติดตามดูอีก 2-3 เดือน” นายเชาว์กล่าว
ส่วนแนวโน้มการบริโภคในปีนี้ เชื่อว่าจะเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เพียงแต่การขยายตัวคงไม่มาก เพราะยังมีแรงกดดันจากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง โดยเฉพาะราคาข้าวและยางพารา ถ้าสินค้าเหล่านี้ยังมีราคาไม่ดี ก็จะกระทบต่อการบริโภคโดยรวม
การลงทุนภาคเอกชนนั้น หากการปฎิรูปมีความชัดเจน นำไปสู่การผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่ มีการเลือกตั้ง ประกอบกับการลงทุนภาครัฐสามารถผลักดันออกมาได้ เชื่อว่าการลงทุนภาคเอกชนก็คงจะกลับมาได้
“ปีนี้ปัจจัยกดดันหลักๆ ล้วนเป็นปัจจัยภายนอก ที่ควบคุมไม่ได้ มีขนาดที่ใหญ่ด้วย เช่น การส่งออก และการท่องเที่ยว ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนได้ ก็ต้องหวังเพิ่งปัจจัยภายใน โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐ”นายเชาว์ กล่าว
เวิลด์แบงก์คาดจีดีพีปีนี้โต3.5%
นายอูลริค ซาเกา ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ระบุว่าธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงก์ ปรับลดจีดีพีไทยปีนี้ เหลือ 3.5% จากเดิมให้ 4.5% เนื่องจากภาพรวมการบริโภคกับการลงทุนฟื้นช้า
นางสาว กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะได้ปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว น่าจะฟื้นกลับมาได้ คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 10-11%
ส่วนความเสี่ยงมากจาก การส่งออก เพราะแม้เศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐดูจะฟื้นตัวแล้ว แต่ยุโรปยังอ่อนแอ และฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกสูง
‘เอดีบี’ ชี้หนี้ครัวเรือนยังฉุดบริโภค
นางลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี กล่าวว่า เอดีบีได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้เหลือ 4% จากเดิม4.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลก ยังไม่สดใสนัก อาจกระทบต่อการส่งออกของไทยได้
“เรามองส่งออกปีหน้าไว้3% จากเดิมเคยให้ 5% เพราะปัจจัยในประเทศ ทั้งอุปสงค์ การบริโภคและการลงทุน ฟื้นตัวช้า ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังฉุดการบริโภคอยู่ ทั้งอุปสงค์ การบริโภคและการลงทุนจึงไม่ใช่พระเอก"