ตลาดยางแข่งดุ'ดีสโตน'แนะรง.ขนาดกลางปรับตัว
"ดีสโตน" ชี้ตลาดยางรถยนต์แข่งดู แนะโรงงานขนาดกลางปรับตัว เดินหน้ารุกตลาดต่อเนื่อง
นายเกริก วงศาริยวานิช รองประธานฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัท ดีสโตน ผู้ผลิตยางรถยนต์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า จากการปรับตัวทางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจยางรถยนต์ โดยเฉพาะการมีผู้เล่นหลายรายและการแข่งขันทางเทคโนโลยี จะส่งผลต่อโรงงานผู้ผลิตยางรถยนต์ขนาดกลาง ที่ทำตลาดในประเทศอยู่ในขณะนี้ ซึ่งอาจจะมีบางส่วนต้องลดขนาดลงยกเว้นแต่ผู้ประกอบการจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีหรือทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับการแข่งขึ้นในอนาคต สำหรับประเทศไทยถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตยางสำหรับยานยนต์ของโลกด้วยความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และปัจจัยพื้นฐานทั้งวัตถุดิบและแรงงาน ในขณะที่จะพบว่า บรรดาผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ต่างมีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยสั่งสมประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีการผลิตยางไว้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นค่ายผู้ผลิตยางต่างๆ ก็จะเข้ามาลงทุนหรือว่าจ้างให้เกิดการผลิตแบบโออีเอ็ม ส่งออกไปต่างประเทศ
สำหรับ ดีสโตนได้ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 38 ปี ล่าสุดได้ เปิดโรงงานที่มีการลงทุนสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัทมากกว่า 3,500 ล้านบาท บนพื้นที่มากกว่า 260 ไร่ ซึ่งทำให้ เป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ สัญชาติไทยที่มีขนาดการลงทุนสูงสุด
นายเกริก กล่าวว่า ปัจจุบัน ดีสโตนถือว่ามีความพร้อมด้วยการผลิต และมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตไม่แพ้ผู้ผลิตยางชั้นนำ โดยการการลงทุน ล่าสุด เป็นการลงทุนเพื่อ ผลิตยาง เรเดียลสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งตลาดนี้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นโดยเป็นการเติบโตแทนยางรถบรรทุกแบบเส้นลวดดั้งเดิม ทั้งนี้ ดีสโตน ทำการผลิตยาง สำหรับยานยนต์ ประเภทต่างๆ อย่างหลากหลายตั้งแต่ ยางรถยนต์โดยสารแบบเรเดียล ยางเพื่อยานยนต์การเกษตร ยางสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางจักรยาน ฯลฯ
สำหรับการลงทุนล่าสุด เป็นการเปิดโรงงานแห่งที่ 5 ภายใต้การบริหารจัดการ ของบริษัท สยามทรัค เรเดียล จำกัด บริษัท ในเครือ ดีสโตน เพื่อผลิตยางสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ประเภทเรเดียล ซึ่งก่อนหน้านี้ดีสโตนได้สร้างชื่อเสียงอยู่ในตลาดในฐานะผู้ผลิตยางรถบรรทุกคุณภาพสูง
สำหรับ ดีสโตน ปัจจุบันมี กลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ มีตัวแทนจำหน่ายกว่า 400 ร้านค้าและส่งออกยางไปจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 115 ประเทศ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
"ในปี2558และต่อๆไปนี้ สำหรับตลาดในประเทศเราจะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และการสร้างการรับรู้แม้ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมยางมากว่า 38 ปีแต่บางครั้งผู้บริโภคยังไม่รู้จัก"นายเกริกกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท อพอลโล อินเดียหนึ่งในบริษัทผลิตยางชั้นนำของอินเดีย ได้เข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่ประเทศไทยและอยู่ระหว่างการ วางแผนเพื่อทำการผลิตยางในประเทศไทยเพื่อทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนทั้งนี้ในเบื้องต้นอพอลโลได้เริ่มการทำธุรกิจยางรถเพื่อการพาณิชย์โดยยังคงใช้การนำเข้ายางจากอินเดีย มาจำหน่ายแต่เชื่อว่าแผนการลงทุนเพื่อสร้างฐานการผลิตในไทย จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้