“ฟรุตพริ้นท์” รอยเท้าของคน New Gen

“ฟรุตพริ้นท์” รอยเท้าของคน New Gen

โลโก้รูปผลไม้ มีรอยเท้าประทับอยู่ด้านในใช้ชื่อว่า“ฟรุตพริ้นท์”สะท้อนถึงธุรกิจผลไม้คนรุ่นใหม่ที่ก้าวตามรอยเท้าพ่อแม่แต่ก็มีทางเดินของตัวเอง

คนรุ่นใหม่ บุคลิกมั่น ย้อมผมสีแดงแจ๋ ขัดกับลุคของ “ผู้ประกอบการ” ที่อยู่ในความคิดใครหลายคน

นี่คือ “อีฟ-ณัฐวดี สุดแสวง” สาวเก่งวัย 25 ปี เจ้าของธุรกิจส่งออกผลไม้ “ฟรุตพริ้นท์” (FRUITPRINT) ทายาทคนโตของ “พจนา กิจกาญจน์” ผู้ก่อตั้ง “อินฟินิท ฟรุ๊ต” ผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ของจันทบุรี ที่อยู่ในสนามมากว่า 30 ปี

“ตอนแรกอีฟไม่สนใจจะทำผลไม้หรอก พูดตามตรง ด้วยความที่เป็นคนติสต์ๆ อาร์ทๆ หน่อย เลยอยากทำอะไรของตัวเอง อย่างพวกออกแบบดีไซน์แนวนี้มากกว่า ไม่ใช่ธุรกิจที่พ่อแม่ทำมา และเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่มาช่วยธุรกิจที่บ้าน ก็แค่ทำไปตามหน้าที่ แค่ให้พ่อแม่สบายใจ ถามว่าชอบไหม คิดถึงว่า พรุ่งนี้อยากจะทำอะไรไหม ตอบเลยว่า ไม่”

ทายาทสาวสารภาพตรงๆ ในวันที่จบปริญญาโทธุรกิจต่างประเทศ มาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เคยมีประสบการณ์เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐอเมริกา เธอเลยเห็นโลกอีกใบ ที่ “อิสระ” และกว้างใหญ่กว่าธุรกิจของครอบครัวอยู่มาก
แม้จะเข้ามาช่วยงานที่บ้านตั้งแต่ยังเรียนปีสอง มีโอกาสเอาความคิดของคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้กับธุรกิจครอบครัวอยู่พอสมควร อย่างเรื่อง ภาษา การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ กระทั่งวิธีรับมือ เล่ห์เหลี่ยมลูกค้าคนจีน หลังไปใช้ชีวิตอยู่เมืองจีนเป็นปีๆ

แต่เธอยอมรับว่า ก็ยังแอบคิดอยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากลองออกไปหางานทำ อยากเป็นลูกจ้าง อยากมีสังคมเพื่อนร่วมงานเหมือนคนอื่นเขาบ้าง

จนวันที่ความคิดเปลี่ยน เมื่อตัดสินใจเจรจากับที่บ้านไปตรงๆ ถึงสิ่งที่อยากทำ และได้รับคำแนะนำให้มาลองเปิดบริษัทของตัวเองโดยใช้พื้นฐานของธุรกิจครอบครัวอย่าง ส่งออกผลไม้ เพราะเป็นจุดแข็งและกำลังมีอนาคต เลยเป็นที่มาของ “ฟรุตพริ้นท์” ธุรกิจของคนรุ่นใหม่ ที่ดึงเอาน้องสาว “เอม-ณิชนันทน์ สุดแสวง” วัย 21 ปี และเพื่อนรุ่นพี่ “พีท-ณัฐพงศ์ นารถติกร” วัย 28 ปี มาร่วมด้วย ลองย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ที่เริ่มต้นธุรกิจ แต่ละคนยังอยู่ในวัยละอ่อนกันทั้งนั้น

ฟรุตพริ้นท์ เริ่มจากฐานของอินฟินิทก็จริง แต่พวกเขาก็ประกาศที่จะสร้างรอยเท้าของตัวเอง โดยพ่อแม่อาจเริ่มที่ตลาดจีน เพราะมองเป็นตลาดใหญ่ แต่ฟรุตพริ้นท์คิดตรงข้าม เมื่อประกาศชัดว่า “ไม่เอาตลาดจีน” เพราะเสี่ยง แถมไม่มีอำนาจต่อรอง เรียกว่า เป็นประเทศเดียวที่คนขายกำหนดราคาเองไม่ได้ แต่ลูกค้าเป็นคนกำหนด แถมราคาขึ้นลงยิ่งกว่าน้ำมัน มาบวกกับความคิดที่เล่ห์เหลี่ยม ซับซ้อน ไม่รู้สึกผิด ไม่มี วิน-วิน แบบคนจีน ผู้ประกอบการเลือดใหม่เลยมองว่า ไปหาตลาดอื่นง่ายกว่า

ธุรกิจของพ่อแม่อาจเน้นตลาดผู้ใหญ่ ขายไปในช่องทางเดิมๆ ส่วนคู่ค้าก็สไตล์ “คอนเซอร์เวทีฟ” ที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นเด็กคนรุ่นใหม่เท่าไร ฟรุตพริ้นท์ เลยฉีกตัวเอง มาทำผลไม้ที่เจาะตลาด “วัยรุ่น คนรักสุขภาพ” โดยเฉพาะ พร้อมฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ ให้คูลขึ้น ด้วยสีสันจัดเต็ม เด่นไปตั้งแต่แพคเก็จจิ้ง ยันกระดาษห่อ ประกาศความเป็นน้องใหม่ที่จัดจ้านสุดๆ ในตลาดผลไม้

แน่นอนว่า ถ้าเข้าไปในตลาดเดิมใครเขาจะเปิดใจรับ พวกเธอเลยเริ่มจากหาคู่ค้าที่มีความคิดใหม่ๆ และเข้าใจคนรุ่นใหม่ ไห้ช่วยเปิดตลาดให้ โชคดีที่ได้เทรดเดอร์หัวใจวัยสะรุ่นชาวเกาหลีไปลองตลาดให้ก่อน ซึ่งผลตอบรับก็ทำให้ยิ้มได้

“สมัยนี้รูปลักษณ์ก็สำคัญ บางทีของราคาพอๆ กัน คุณภาพเหมือนๆ กัน แต่พอเราออกแบบให้เด่นกว่า สังเกตเห็นง่ายกว่า แถมเวลาถือถุงไปไหนก็เห็นลายที่สวยกว่าด้วย คนเขาก็อยากซื้อ อย่างบางทีพ่อแม่ไปกับลูก ลูกบอกตัวนี้น่ารักนะ มีการ์ตูนด้วย อยากได้ สุดท้ายเขาก็ซื้อ”

เธอบอกการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ ที่รูปลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้ตัวสินค้า

จากน้องใหม่โนเนม เลยพลิกกลับมาเป็นที่สนใจในชั่วข้ามคืน บวกกับ การมีของดี คุณภาพได้ ดูแลและบริการด้วยความฉับไวประสาคนรุ่นใหม่ ที่ใช้ช่องทางอย่างแอพพลิเคนชั่นไลน์ มาสื่อสารกับลูกค้า เลยได้ความรวดเร็ว ทันใจ แก้ไขปัญหาได้ทันที ขณะที่ฝีมือเรื่องดีไซน์ยังทำให้ลูกค้าบางคนถึงขนาดติดต่อมาขอให้ช่วยออกแบบให้ก็มี คนทำจึงสนุก เพราะเหมือนได้เติมเต็มความฝันเล็กๆ ของตัวเอง ที่เคยอยากทำงานดีไซน์มาก่อนหน้านี้

อินเทรนด์สุดๆ ก็ต้องยกให้การปล่อยสติกเกอร์ไลน์เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อแนะนำให้ชาวโลกได้รู้จักกับฟรุตพริ้นท์ ผ่านคาแรคเตอร์ผลไม้ไทยน่ารักน่าชัง อย่าคิดว่าต้องไปจ้างใครทำ ก็ผู้นำที่นี่เขาชอบงานดีไซนน์อยู่แล้ว ทั้งหมดที่เห็นเลยเป็นฝีมือของเธอคนนี้

เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิธีคิดใหม่ๆ แถมบุคลิกภายนอกก็ดูจะ “มั่น” เอามากๆ แต่พอลองได้คุยด้วยจะพบว่า พวกเขายังชอบการโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่บุ่มบ่าม ไม่เลือกสั่งใครให้ทำตาม แต่ใช้วิธีพิสูจน์ให้เห็น ถ้าใช่ก็แชร์ ถ้าไม่ใช่ก็ยอมรับและปรับปรุงตัว แม้จะมั่นใจในตัวเองแต่ก็พร้อมรับฟังคำแนะนำ เป็นเด็กที่ช่างเข้าหาผู้ใหญ่ โดยใช้ความนอบน้อม ถ่อมตัวขณะมุมมองในการทำธุรกิจ ไม่เชื่อเรื่องต้อง “ชนะคนเดียว” แต่เลือกทำธุรกิจที่ “เอื้อ” กับผู้คนทั้งห่วงโซ่ ไม่ว่าจะชาวสวน คู่ค้า และลูกค้า

เธอยกตัวอย่าง ลูกค้าต้องการผลไม้พันธุ์ใหม่ คุณภาพดี พร้อมที่จะจ่ายสูงขึ้น พวกเธอก็จะไปชักชวนชาวสวนให้มาปลูกพันธุ์ตามความต้องการ เพื่อที่จะได้ราคารับซื้อที่แพงขึ้น หรืออย่างผลไม้ตกเกรดแทนที่จะต้องทนขายถูกๆ ในตลาดไทย ก็เอาไปเสนอผู้ค้าต่างประเทศ เพื่อจะได้ช่วยระบายผลผลิตให้ชาวสวน ขณะคู่ค้าก็มีช่องทางใหม่ๆ ในการทำตลาดเพิ่มขึ้นด้วย

เวลาเดียวกันก็คิดพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อไปตอบโจทย์ตลาด เช่น แปรรูปซอสผลไม้ อย่าง ซอสมังคุด ที่อยู่ระหว่างทดลองตลาด โดยจุดยืนคือ ไม่ทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะมองว่า ถ้าทำอะไรหลายอย่างก็ไม่ได้โฟกัสในสิ่งที่ตัวเองถนัด อย่าง การผลิต ไปทำอย่างอื่นก็คงทำได้ไม่ดี สู้ให้คนที่เขาเชี่ยวชาญกว่า ทำแทนไม่ได้

“มองไปในอนาคต ฟรุตพริ้นท์ ยังอยากอยู่เบื้องหลังอยู่ดี ไม่อยากสร้างแบรนด์เอง แต่อยากสร้างลูกค้าให้แข็งแรง สร้างชาวสวนให้แข็งแรง เพราะถ้าเขาแข็งแรง เราก็อยู่ได้ พ่อกับแม่จะบอกเสมอว่า ลูกค้าเป็นของสาธารณะ ดังนั้นใครก็สามารถเอาไปได้ เราจึงต้องทำตัวของเราเองให้ดี ซึ่งถ้าของเรามีเอกลักษณ์ เขาหาที่ไหนไม่ได้ สุดท้ายเขาก็เลือกเราเองอยู่ดี”

ผู้บริหารรุ่นใหม่สะท้อนความคิด ก่อนบอกว่า ทุนตั้งต้นที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมา 5 ล้านบาท ใช้เวลาเพียง 3 ปี ก็มีเงินไปส่งคืน แถมโชว์ฝีมือลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น โดยการขยายตลาดไปทั้งใน เกาหลี ญี่ปุ่น แคนนาดา อเมริกา และตะวันออกกลาง มียอดขายที่ประมาณ 6-7 ล้านบาทต่อเดือน

ถามถึงเป้าหมายในวันที่พ่อแม่ต้องวางมือ ทายาทสาวบอกเราว่า อยากให้ธุรกิจนี้แข็งแรงและรันต่อไปได้ด้วยตัวเอง โดยระบบ คนและกระบวนการ ไม่ต้องลงไปดูแลในทุกจุด เพื่อที่ทั้งเธอและพนักงานจะได้มีเวลาไปเติมเต็มความฝันของตัวเอง

“อยากเห็นว่าพนักงานอยู่กันได้ คนสวนก็อยู่กันได้ ทุกอย่างเป็นระบบ และหมุนไปด้วยตัวของมันเอง ทุกคนจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพราะรู้ดีว่า ต่างคนก็มีความฝันของตัวเอง ถ้าวันหนึ่งถึงจุดที่ธุรกิจหมุนไปเองได้ เขาก็จะได้มีเวลาไปทำมัน โดยที่ไม่ต้องทิ้งความฝัน เพราะสำหรับอีฟ ความฝันสำคัญมากนะ แม้ยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งมัน”

ก็เหมือนกับเธอที่ทำตามความฝัน ไปพร้อมกับสร้างความภูมิใจให้ครอบครัว โดยไม่ต้องเดินตามใคร แต่มีรอยเท้าของตัวเองที่ชื่อ..ฟรุตพริ้นท์

..................................

Key to success
มุมคิดธุรกิจคนนิวเจน

๐ ทำธุรกิจต้องเอื้อกับคนทุกกลุ่ม
๐ เป็นเด็กต้องเคารพและรับฟังผู้ใหญ่
๐ ขยายธุรกิจด้วยคอนเน็คชั่น
๐ วินัยและความรับผิดชอบสำคัญมาก
๐ หาทางเชื่อมความเป็นตัวเองกับธุรกิจครอบครัว
๐ มีความฝันไม่ต้องทิ้ง หาโอกาสทำ
๐ ตามรอยพ่อแม่ แต่ต้องสร้างรอยเท้าของตัวเอง