BEAUTY - ถือ

BEAUTY - ถือ

แม้ราคาหุ้นเต็มมูลค่า แต่คุ้มค่าที่จะถือต่อ

ประเด็นการลงทุน

เราเชื่อว่า BEAUTY เป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่น่าลงทุน โดยบริษัทน่าจะสามารถรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง หนุนโดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ การขยายตัวเชิงรุกและแนวโน้มการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่า อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว โดย BEAUTY ซื้อขายที่ PER ปี 2558 ที่ 32.4 เท่า ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมาย (คิดด้วยวิธี DCF) ที่ 4.46 บาท

ยอดขายยังคงแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากการท่องเที่ยว

แม้ว่าจะมีผลกระทบจากฐานที่ค่อนข้างสูงและเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ ยอดขายของสาขาเดิมมีแนวโน้มเติบโตได้ราว 10%-15% ในไตรมาส 3/58 โดยผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจากเหตุการณ์ระเบิด น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายเพียงเล็กน้อยและจะเป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น ยอดขายจากลูกค้าชาวต่างประเทศคิดเป็น 15-20% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่ง1 ใน 3 จากจำนวนนี้เป็นยอดขายที่มาจากนักท่องเที่ยว ในขณะที่ 2 ใน 3 ของจำนวนดังกล่าวมาจากการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายค้าส่งไปต่างประเทศ นอกจากนี้ยอดขายจากลูกค้าคนไทยยังคงแข็งแกร่งแม้ว่าการบริโภคยังคงชะลอตัวก็ตาม ในมุมมองของเรา นอกจากคุณภาพสินค้าที่ดีและราคาที่เหมาะสม ปัจจัยหลักเบื้องหลังการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพของยอดขายมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทที่เน้นสร้างความเข้าใจในตัวสินค้าให้กับผู้บริโภค ผ่านการรีวิวสินค้าของบล็อกเกอร์และคำแนะนำของพนักงานขายในร้าน โดยเมื่อลูกค้ามีความเข้าใจในตัวสินค้าและชื่นชอบ ก็มักซื้ออย่างต่อเนื่องและแนะนำสินค้าต่อให้กับลูกค้ารายอื่นๆ

ยังคงขยายตัวเชิงรุก

บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดสาขา Beauty Buffet (BB) 30 สาขา, Beauty Cottage(BC) 15 สาขา และ Beauty Market(BM) อีก 10 สาขาต่อปี โดยช่องว่างในการขยายสาขายังมีอยู่ค่อนข้างมาก อย่างเช่น BB ซึ่งแม้จะมีถึง 212 สาขาทั้วประเทศ ณ สิ้น มิ.ย. แล้วก็ตาม แต่เปิดอยู่ในศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาเก็ตได้เพียง 60% ของจำนวนทั้งหมด นั่นหมายความว่าบริษัทจะสามารถขยายสาขาของ BB ในระดับนี้ไปได้อีกอย่างน้อย 5 ปี แม้ว่าจะไม่มีศูนย์การค้าเปิดใหม่เลยก็ตาม นอกจากนี้ช่องว่างในการขยายตัวอาจจะไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ในศูนย์การค้าเท่านั้น โดยบริษัทเพิ่งเปิด BM 2 สาขาในรูปแบบ standalone โดยแม้ว่ายอดขายต่อร้านจะต่ำกว่าร้านในศูนย์การค้า แต่ค่าเช่านั้นถูกกว่ามาก ซึ่งส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนไม่แตกต่างกันมากนัก

ขยายธุรกิจสู่ตลาด CLMV มากขึ้น

สิ่งที่ทำให้ BEAUTY โดดเด่นและแตกต่างจากบริษัทค้าปลีกของไทยรายอื่นๆคือ การขยายตัวสู่ตลาด CLMV โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย. บริษัทมีสาขาในต่างประเทศของทั้ง BB และ BC ทั้งหมด 27 สาขา (16 สาขาในเวียดนาม, 7 สาขาในกัมพูชา, 2 สาขาในลาวและ 2 สาขขาในพม่า) เพิ่มขึ้นจาก 16 สาขา ณ สิ้นปี 2557 และ 6 สาขา ณ สิ้นปี 2556 โดยสัดส่วนยอดขายจากสาขาในต่างประเทศเท่ากับ 1.6% ของยอดขายรวมในครึ่งปีแรกปี 2558 เพิ่มขึ้นจาก 1.28% ในปี 2557 แม้ว่าสัดส่วนนี้จะยังคงเล็กน้อย แต่เราเชื่อว่า ธุรกิจในต่างประเทศน่าจะกลายเป็นส่วนประกอบหลักของผลประกอบการในอนาคต จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่อย่างน้อย 15-20 สาขาต่อปี