TASCO : ก้าวแรกสู่การเป็น Global Company

TASCO : ก้าวแรกสู่การเป็น Global Company

ประกาศซื้อบริษัท 5 แห่ง มูลค่า 2,213 ล้านบาท คิดเป็น P/BV ที่ 1.37 เท่า

โดยแบ่งเป็นการซื้อหุ้นสามัญมูลค่า 1,766.76 ล้านบาท และโอนสิทธิการเป็นเจ้าหนี้ 477.96 ล้านบาท โดยเราคาดว่าดีลนี้จะสร้างกำไรให้ TASCO ประมาณ 300 ล้านบาท/ปี โดยอิงจากปริมาณการขายยางมะตอยในปี 2558 ที่ 2.9 แสนตัน และอัตรากำไรสุทธิที่ 5% นอกจากนี้ดีลนี้ยังส่งผลให้ TASCO 1. ก้าวเป็นผู้นำการขายยางมะตอยในประเทศเวียดนาม (market share 31%) และอินโดนีเซีย (market share 36%) 2. เพิ่ม utilization rate ของโรงกลั่นในปี 2559 ที่ 95% จากปี 2558 ที่ประมาณ 80% ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการบริหารกองเรือและเส้นทางการเดินเรือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 3. มีโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์ value added product ซึ่งยังไม่มีในทั้ง 2 ประเทศ 4. ต้นทุนลดลงจากประสิทธิภาพในการขนส่งซึ่งเป็นผลมาจากการมี กองเรือ โรงกลั่น ท่าเรือ ที่เพิ่มขึ้น 

แนวโน้มผลประกอบการ เราคาดว่ากำไรในช่วง 4Q58 จะทำสถิติสูงสุดของปี 2558 ที่ประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และความต้องการยางมะตอยที่สูงแบ่งเป็น ในประเทศจากการเบิกงบทำถนนปกติและงบเร่งด่วนของกรมหลวงที่ต่อเนื่องมาจาก 3Q58 ประกอบกับงบของกรมทางหลวงชนบทที่จะเริ่มเบิกจ่ายใน 4Q58 นี้และในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียที่เป็น high season และประเทศอินโดนีเซียที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวถึงปี 62 มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านล้านบาท
ปี 2559 โตต่อเนื่อง เรามองว่า TASCO มีโอกาสโตต่อเนื่องจาก 1. ปริมาณการขายยางมะตอยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2.9 แสนตันหรือ 12% yoy จากการเพิ่มกำลังการผลิตโรงกลั่นและการซื้อบริษัท 2. Margin ที่อยู่ในระดับสูงจาก spread ที่คาดว่ายังอยู่ในระดับสูงจากราคาน้ำมันดิบที่ต่ำและราคายางมะตอยที่สูงจากความต้องการยางมะตอยในทวีปเอเชีย ซึ่งหลายประเทศมีแผนพัฒนาถนนในระยะยาว การเพิ่มปริมาณการขาย value added products โดยเฉพาะจากนโยบายของรัฐบาล 3. SUPPLY ของยางมะตอยในตลาดที่ต่ำในขณะที่เรือขนส่งยังคงขาดแคลน และ 4. การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจากทั้งการซื้อกิจการ (เพิ่ม ship utilization and routing) และการลงทุนร่วมกับ SK energy
ตั้งเป้าโต 3 เท่าภายในปี 2563 ในช่วง 3Q58 TASCO มีปริมาณการขายยางมะตอยเพิ่มขึ้น 20.3% ที่ 6 แสนตัน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการยางมะตอยทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้สำหรับ vision ในปี 2563 TASCO ได้ตั้งเป้าหมายปริมาณการขายยางมะตอยเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าที่ 6 ล้านตัน ภายในปี 2563 (2.03 ล้านตันในปี 2557)

ปรับกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น: เราปรับกำไรสุทธิปี 2558 และ 2559 เป็น 5,401 ล้านบาท (eps 3.5 บาท/หุ้น) และ 5,717 ล้านบาท (eps 3.7 บาท/หุ้น) ตามลำดับจากปริมาณยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการและการ maximize กำลังการผลิตของโรงกลั่นและอัตรากำไรขึ้นต้นที่ดีจาก spread ที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง
คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยเป้าหมายปี 2559 ที่ 52 บาท upside 32% อิงจาก FORWARD PE ที่ 14 เท่า โดยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่ PER 16 เท่า นอกจากนี้เราคาดว่า TASCO มีโอกาสจ่ายปันผลในงวดปี 2559 ที่ 1-2 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield ที่ 2.5-5%