ทุนจีน “คิง ไว กรุ๊ป” รุกลงทุนอสังหาฯไทย

ทุนจีน“คิง ไว กรุ๊ป” ทุ่ม 300 ล้านเทคโอเวอร์ “เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้” บริษัทลูกสิงคโปร์เล็งขยายอสังหาฯในไทย
นายชาน คิง ไว ประธานกรรมการ คิง ไว กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากประเทศจีน เปิดเผยว่า คิง ไว กรุ๊ป มีนโยบายที่จะขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทย มีโอกาสเติบโตมากในอนาคต เพราะมีหลายปัจจัยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย หรือการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน รวมถึงรัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนให้ธุรกิจเอกชน ขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจในครั้งนี้ บริษัทได้เข้าไปซื้อหุ้น บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของเคปเปล กรุ๊ป สิงคโปร์ เมื่อเดือนที่แล้ว ในจำนวน 100 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 45.45% มูลค่า 300 ล้านบาท โดยบริษัทเคปเปล ไทย พร็อเพอร์ตี้ฯ ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2559 มีสินค้าเหลือขาย คิดเป็นมูลค่า 1,284 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 1,714 ล้านบาท และมีหนี้สินอยู่ 1,690 ล้านบาท หลังจากนี้บริษัทจะขออนุมัติผู้ถือหุ้น ให้บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท คิง ไว กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
“การขยายตลาดอสังหาฯในไทย ไม่ต้องการจะเริ่มธุรกิจจากศูนย์ จึงมองหาเพื่อที่จะซื้อบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่แล้ว เพราะทำให้ขยายธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เคปเปล กรุ๊ป สิงคโปร์ เองก็มีความต้องการที่จะขายบริษัทดังกล่าวอยู่พอดี โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทเคปเปล ไทยฯ ไม่ได้มีการลงทุนโครงการใหม่เลย”
ทั้งนี้ แนวทางการขยายอสังหาฯในไทย จะดำเนินการ 2 รูปแบบ คือ การพัฒนาโครงการเอง ซึ่งเป็นการเติบโตจากภายในบริษัท และ การเทคโอเวอร์บริษัทอสังหาฯในไทย ซึ่งขณะนี้มีดีลอยู่หลายราย ช่วยสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่รูปแบบการลงทุนอสังหาฯ บริษัทจะเปิดกว้างในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย สำนักงาน ศูนย์การค้า ขึ้นอยู่กับที่ดินแปลงที่ซื้อมา ว่าจะมีศักยภาพและเหมาะสมจะพัฒนารูปแบบใด แต่ประเภทอสังหาฯที่บริษัทให้ความสนใจอย่างมาก คือ ด้านการทอ่งเที่ยว เนื่องจากมองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างมาก รวมทั้งคนจีนเองก็ให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจำนวนมาก และยังมีความสนใจเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทยมากขึ้น เนื่องจากอสังหาฯในจีนมีราคาค่อนข้างสูงมากในปัจจุบัน
“ไทยถือเป็นที่แรกที่คิง ไว กรุ๊ป ขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศเออีซี และบริษัทไม่ได้ตั้งเป้าว่าการลงทุนในไทยจะต้องก้าวไปถึงจุดไหน แต่มุ่งหวังก้าวขยายธุรกิจไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และยั่งยืนมากกว่า เพื่อพัฒนาคิง ไว กรุ๊ปในไทยให้เติบโตในระยะยาว โดยในครึ่งปีหลังอาจจะยังไม่เห็นการเปิดตัวโครงการ เพราะภารกิจหลักต้องการปูพื้นฐานสร้างทีมงานให้มีความแข็งแกร่งก่อน แล้วถึงจะเร่งลงทุน”
สำหรับ คิงไว กรุ๊ป เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯที่อยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ระดับแนวหน้าของจีน นอกจากนี้ มีธุรกิจการให้บริการทางการเงิน ธุรกิจอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศ และโลจิสติกส์ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 1.1 แสนล้านบาท
ความเคลื่อนไหวของ "ทุนจีน” รุกคืบเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งแบบลงทุนด้วยตนเอง และแบบที่เข้ามาหาผู้ร่วมทุนชาวไทย เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และไม่เพียงเฉพาะลงทุนในบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ หรือคอนโดมิเนียมหรูเท่านั้น แต่ยังกระจายครอบคลุมถึงโครงการระดับกลางและเล็ก ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาที่ดินรายกลางรายเล็กทั้งมีชื่อและโนเนม พลิกโมเดลจากเดิมที่จะเข้ามาเลือกช้อปโครงการคอนโดมิเนียมแบบยกล็อต ยกชั้น หรือยกตึก
ทั้งนี้ พบกลุ่มทุนจีนเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา มีมากกว่า 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการเปิดโครงการคอนโดมิเนียม อาทิ
บริษัท โฮม ซิตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ของกลุ่มทุนรับเหมาจากจีน ร่วมทุนกับคนไทยพัฒนาโครงการมิราเคิล หัวหิน คอนโดและบ้านพักตากอากาศ มูลค่า 5,600 ล้านบาท บริษัท เดย์เกน กรุ๊ป ของกลุ่มทุนอสังหาฯจีน พัฒนาโครงการบัดเจ็ทคอนโด ย่านติวานนท์ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท
บริษัท ยูนิเวอร์เซล พลัส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในเครือยูนิเวอร์เซลกรุ๊ป และบริษัท ฮงไทย เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด เข้ามาร่วมทุนกับคนไทย พัฒนาบ้านจัดสรร ย่านจอมทอง บริษัท จุนฟา อสังหาฯรายใหญ่ จากประเทศจีน ร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการ “บาบา บีช คลับ” จ.พังงา และบริษัท ชาญอิสสระฯ ยังร่วมทุนกับกลุ่มเทียนหยวน ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ท็อปเทนของประเทศจีน และบริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด กลุ่มบริษัทก่อสร้าง และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่อันดับ 1 ของจีนเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ พัฒนาโครงการที่บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พื้นที่ประมาณ 116 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท