“Fictionlog” โลกใบใหม่ของธุรกิจหนังสือ

“Fictionlog” โลกใบใหม่ของธุรกิจหนังสือ

การเปิดตัว Fictionlog แพล็ตฟอร์มสำหรับนักเขียน นักอ่าน นวนิยายออนไลน์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค.พลิกโฉมวงการพ็อกเก็ตบุ๊คจากเดิมโดยสิ้นเชิง

จากการที่นักเขียนอาจไปใช้พื้นที่ออนไลน์เพื่ออวดโชว์ผลงาน รอให้สำนักพิมพ์มามองเห็น ติดต่อขอรวมเล่ม แล้วแบ่งปันรายได้ โชคดีหน่อยก็อาจต่อยอดไปสู่การทำหนัง ทำละคร ฯลฯ เก็บดอกผลจากเนื้องานที่เพิ่มขึ้น ทว่าวันนี้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จะเข้ามาลดอำนาจของคนกลางและสื่อกลางลง แต่จะทำให้คนสร้างคอนเทนต์ (ผู้เขียน) และคนเสพคอนเทนต์ (ผู้อ่าน) มาพบเจอกันได้โดยตรงผ่านแพลทฟอร์มของ Fictionlog

คนอ่านจ่ายเงิน คนเขียนรับเงิน นักเขียนก็มีส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น ขณะคนอ่านก็มีโอกาสเข้าถึงนวนิยายดีๆ ได้มากขึ้นด้วยเดียวกัน

“เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์” ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอสตอรี่ล็อก และฟิกชั่นล็อก บอกเราว่า เวลานี้คือยุคของ UGC หรือ User generated content  คือ ยุคที่ทุกคนเป็นผู้สร้าง content ได้อย่างง่ายๆ เพราะเทคโนโลยีมีความพร้อมและทุกคนก็เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อหลายๆ วงการที่จะต้องปรับตัว ซึ่งรวมถึงวงการหนังสือด้วย

“ในอดีต ใครอยากเขียนหนังสือต้องผ่านสำนักพิมพ์เท่านั้น แต่ปัจจุบันไม่ใช่ นวนิยายดังๆ หลายๆ เรื่องก็เริ่มมาจากผู้เขียนแต่งเองลงเองบนอินเตอร์เน็ต บางเรื่องโด่งดังถึงขนาดถูกหยิบมาทำมาเป็นภาพยนตร์ก็มี อย่าง The Martian เป็นต้น”

เขาขยายความต่อถึง สถิติตลาด E-book ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2014 พบว่า มีหนังสือ Self-published ที่นักเขียนขายเอง โดยไม่ผ่านตัวกลางถึง 31% และยอดขายทั้งหมดใน Kindle 40% ก็มาจากหนังสือเขียนเองขายเอง สะท้อนชัดว่า ยุคนี้คือยุคของ “โอกาส” ที่ถ้าใครอยากจะเป็นนักเขียนไม่ได้ยากเหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป ที่สำคัญสามารถเขียนเอง ขายเอง โปรโมตเอง ได้แทบทุกขั้นตอน

Fictionlog จะมาช่วยเสริมในจุดนี้ คือถ้าใครมีของ เราเป็นอีกช่องทางให้มาปล่อยของกัน สามารถปลดปล่อยจินตนาการกันได้เต็มที่

โมเดลของ Fictionlog คือเป็นแพลตฟอร์มการอ่านนวนิยาย ที่นักอ่านสามารถเข้ามาสนับสนุนผลงานของนักเขียนได้โดยตรง และอัพเดทกันแบบบทต่อบท โดยไม่ต้องรอให้เขียนจบเล่ม ที่สำคัญนักเขียนสามารถไปตั้งราคาขายเองได้ตามความเหมาะสม ตั้งแต่ 300 เหรียญทอง ถึง 900 เหรียญทอง (ประมาณ 3-9 บาท ต่อบท) และถ้าขายได้จะได้ส่วนแบ่ง 50% ทันที ขณะที่ผลงานทุกชิ้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนักเขียน 100% จึงสามารถนำไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้อย่างอิสระ เช่น หากมีสำนักพิมพ์สนใจนำไปตีพิมพ์ ก็สามารถติดต่อนักเขียนได้โดยตรง  โดยที่ Fictionlog จะทำหน้าที่เป็นแค่ตัวกลางเท่านั้น

ในส่วนของผู้อ่าน บทแรกของหนังสือทุกเล่มจะเปิดให้อ่านได้ฟรี เพื่อเป็นการทดลองว่าควรค่าแก่การควักเงินซื้อแค่ไหน  ส่วนบทที่ 2 ถึง 5 สามารถใช้เหรียญเงินมาแลกการอ่าน โดยระบบจะแจกเหรียญเงินให้ฟรีๆ ทุก 12 ชั่วโมง ที่เข้าใช้งาน อารมณ์เดียวกับการเล่นเกม เพื่อดึงดูดให้ผู้อ่านอยากเข้ามาใช้งาน Fictionlog อย่างต่อเนื่อง จนเข้าสู่บทที่ 6 นักเขียนก็จะเริ่มหารายได้จากผลงานของตัวเองได้ โดยผู้อ่านจะต้องใช้เหรียญทองซื้อ (คล้ายกับการใช้เหรียญแลกซื้อสติกเกอร์ไลน์)  โดยเหรียญทอง 100 เหรียญ มีค่าเท่ากับ 1 บาท

“เราลองคำนวณให้แล้วว่า การตั้งราคาตั้งแต่ 300 เหรียญทอง ถึง 900 เหรียญทอง (3-9 บาท ต่อบท) มันไม่ได้น้อยเลย อย่างคนเขียนงานเต็มที่ 55 บท เฉลี่ยเล่มละ 300 บาท นักเขียนได้ 50% ก็ 150 บาท สมมติคนซื้อ 5 พันคน ก็ 7.5 แสนบาทแล้ว ต่อผลงานชิ้นหนึ่ง”

เขาเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ต่างไปจากรายได้แบบเดิมของระบบเก่า ซึ่งนักเขียนจะมีรายได้ต่อการเขียนหนังสือหนึ่งเล่ม ที่ประมาณ 10% ของยอดขายเท่านั้น

ที่น่าสนใจและดูแตกต่างไปจากโมเดลเดิมๆ คือการที่เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถทำให้นักเขียนรับฟีดแบคจากผู้อ่านได้โดยตรง จากเดิมคงยากที่จะไปติดตามว่าผู้อ่านที่ซื้อหนังสือเราไปรู้สึกอย่างไรกับผลงานของเราบ้าง ทว่าวันนี้ไม่มีปัญหาอีกแล้วในเรื่องนั้น

“ด้วยระบบของเรา นักเขียนยังสามารถดูได้ถึงขนาดว่า กลุ่มผู้อ่านของเขาเป็นใคร ชายกี่เปอร์เซ็นต์ หญิงกี่เปอร์เซ็นต์ อายุประมาณเท่าไร วันไหนคนมีอ่านเยอะ วันไหนคนซื้อเยอะ ดูได้หมด ซึ่งตรงนี้จะช่วยนักเขียนได้เยอะมาก”

Fictionlog เปิดตัวด้วยผลงาน  17 เรื่อง ชูจุดขายด้วย นวนิยายสุด Exclusive จากนักเขียนคุณภาพ ซึ่งไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน เช่น “วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล” นักเขียน พิธีกร และนักทำสารคดี กับผลงาน “เถื่อนแปด” “เกรียงไกร วชิรธรรมพร” ผู้กำกับชื่อดังจากซีรีส์ฮอร์โมน กับผลงานนวนิยาย “กานต์รัก” และ “วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ” บรรณาธิการบริหารนิตยสาร GM กับ “วินาทีไร้น้ำหนัก” นวนิยายเรื่องแรกของเขา เป็นต้น

“ผมคิดว่าคอนเทนต์ก็เหมือนน้ำ จะไหลไปสู่ภาชนะบรรจุของมันไปเรื่อยๆ รูปแบบก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างเมื่อก่อนเป็นกระดาษ วันนี้เป็นแอพลิเคชั่น ซึ่งแพลตฟอร์มใหม่ๆ จะทำให้คนที่ทำคอนเทนต์ กับคนที่เสพคอนเทนต์ มาอยู่ด้วยกัน จ่ายกันตรง อาจถูกหักส่วนแบ่ง หักค่านายหน้าบ้างส่วนหนึ่ง แต่เนื้อเงินจริงๆ เนื้อสารและผลประโยชน์จริงๆ จะไหลเวียนอยู่ตรงนี้ และตรงไปตรงมาขึ้น” วุฒิชัย บอก

เทรนด์ UGC สร้างโอกาสใหม่ให้กับโลกของการเขียน แต่จะทำอย่างไรให้โมเดลนี้ประสบความสำเร็จได้จริง ทั้งคนกลางที่ทำแอพพลิเคชั่น และคนเขียน ที่ใช้ช่องทางนี้หารายได้ “ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์” ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO แห่ง Ookbee รุ่นพี่ในวงการสตาร์ทอัพ และผู้ลงทุนในธุรกิจ UGC บอกเราว่า หัวใจที่ทำให้โมเดลนี้ก่อเกิดรายได้ คือ คนเขียนหรือผู้สร้างสรรค์ผลงาน ต้องมีแฟนที่รักเรามากพอที่จะจ่ายเงินให้เราได้

“ท้ายที่สุดมันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับแฟนของเรา แพลตฟอร์มอย่าง Fictionlog หรือที่อุ๊คบีทำ เราเป็นเพียงแค่ตัวกลางที่ทำให้คอนเทนต์เข้าถึงมือคนให้กว้างที่สุด แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ขึ้นกับตัวเจ้าของผลงานเองที่ต้องมีคนที่รักเขามากพอ จะจ่ายเงินให้  ศิลปินคือหัวใจสำคัญ เพราะฉะนั้นแพลตฟอร์มที่ดี ก็จะมีศิลปินดีๆ มาอยู่ด้วยกัน และศิลปินเหล่านั้นก็จะพาแฟนๆ มาสนับสนุนเขา” เขาบอก

ขณะที่ความสำเร็จของแต่ละแพลตฟอร์ม จะเกิดขึ้นก็อยู่ที่ “คอมมูนิตี้” หรือ ชุมชน คือคนที่อยากเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้อ่านหรือผู้เขียน ฉะนั้นต้องทำให้พวกเขาอยากเข้าไปมีส่วนร่วมกับพื้นที่ของเราให้ได้

“นี่เลยเป็นโอกาสของตลาดประเทศไทย เพราะมันจะกลายเป็นชุมชนแบบไทยๆ เสพหนังสือ หรือสื่อแบบไทยๆ ซึ่งจะทำให้มีความยูนีคเกิดขึ้น แล้วก็แตกต่างกันไปในแต่ละชุมชนที่สร้างขึ้น”

ในฐานะผู้เขียน “วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ” บรรณาธิการบริหารนิตยสาร GM ร่วมแสดงความเห็นว่า สิ่งที่สำคัญไปกว่าเรื่องเงิน คือการที่นักเขียนสามารถ “สร้างคอนเทนต์ที่ดี” และทำผลงานที่สนองความสนใจของตัวเอง ไม่ใช่แค่หวังเพียงว่าจะขายได้ หรือทำเงินได้มากแค่ไหน โดยเขายังเชื่อว่า ถ้านักเขียนสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีได้ อย่างไรก็ต้องมีแฟนอยากติดตาม

และนั่นต่างหากคือ “หัวใจ” ของความสำเร็จในโมเดลใหม่นี้