“เรียล เซกเตอร์” กำไรดีเกินคาด

บจ.ทยอยประกาศผลประกอบการ พบว่ากลุ่มภาคการผลิตมีกำไรออกมาดีเกินคาดหมาย ดึงเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยต่อ
แม้ว่าจะมีเหตุการระเบิดพื้นที่ 7 จังหวัดท่องเที่ยว นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น รวมทั้งเมื่อนำเหตุการณ์ครั้งล่าสุดไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์แล้ว แรงเทขายจากการตื่นตระหนกจะไม่น่ากังวล พร้อมทั้งเชื่อว่า ทางการน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นดังนั้นจะใช้เวลาไม่นานที่จะสร้างความเชื่อมั่น
นักวิเคราะห์บล.บัวหลวง คาดการณ์ว่า เหตุระเบิดในหลายพื้นที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ เมื่อวันที่11-12 สค.ที่ผ่านมา จะส่งผลลบจำกัดต่อดัชนีบ้างแต่ไม่ตื่นตระหนก เหมือนกับเหตุระเบิดราชประสงค์ปีที่แล้ว และมีการจับกุมคนร้ายบางส่วนที่ทางการคาดว่าจะเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างทันควัน สร้างความเชื่อมั่นได้เร็วกว่าเหตุการณ์ในอดีต คาดแนวรับ 1,530 จุด แนวต้าน 1,558 จุด หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม จะได้รับผลกระทบราว 3-5% แต่ไม่ลงแรงเหมือนเหตุระเบิดราชประสงค์เมื่อ 17 สค.ปีที่แล้ว ที่ลงเฉลี่ย 7% ก่อนจะกลับคืนมาเหมือนเดิมภายในไม่กี่วัน
บล.ฟินันเซียไซรัส รายงานจากเหตุระเบิดครั้งนี้เทียบกับในอดีต พบว่าดัชนี ปรับลงเฉลี่ย 1% เพียง 1-2 วัน กลุ่มโรงแรม ลงแรงแต่กลับเป็นโอกาสในการซื้อ ส่วนกระแสเงินทุนพักฐานเพียงชั่วคราว นำโดยกองทุนที่ขายมากกว่ากว่าต่างชาติ
ขณะที่กำไรสุทธิบจ.ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น23%จากไตรมาส1ปีนี้ และเพิ่มขึ้น7%จากงวดเดียวกันปีก่อน กลุ่มที่ดีกว่าคาดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคอมมูดิตี้ เพราะกำไรจากสต็อกและส่วนต่างสินค้าปิโตรเคมีสูงกว่าคาด กลุ่มที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ ค้าปลีก สื่อโฆษณานอกบ้าน อาหาร โรงแรม และกลุ่มพลังงานทดแทน
บล.โนมูระพัฒนสิน ระบุว่าเหตุการณ์ระเบิดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในหัวหิน และ 7 จังหวัดภาคใต้ เป็นเชิงลบ กระทบความเชื่อมั่นของไทย รวมถึงภาคท่องเที่ยวในช่วงสั้น ซึ่งหากพิจารณาข้อมูลในอดีตช่วงเดือน สค. 2558 ซึ่งเกิดเหตุการณ์ระเบิดรุนแรงที่ราชประสงค์ พบว่าดัชนีหุ้นลง 2.4%,กลุ่มโรงแรม9%, ขนส่ง4.8% และทำจุดต่ำสุดหลังจากนั้นราว 1 สัปดาห์ และใช้เวลาราว 2 เดือนฟื้นตัวกลับสู่จุดเดิม
ส่วนปัจจัยเพิ่มเติม 2 ประเด็น คือ 1) การเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มภาคการผลิต (Real Sector) โดยหากพิจารณาล่าสุดมีการรายงานออกมาแล้ว 74.8% ของทั้งหมดที่ตลาดคาดการณ์ พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 1.24 แสนล้านบาท ดีกว่าตลาดคาดราว 13.6% โดยมีจำนวนบริษัทที่รายงานงบดีกว่าคาด คิดเป็น 46%ของทั้งหมด ตามคาด 27% และต่ำคาดเพียง 27% สะท้อนทิศทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยโดยรวมนั้นค่อนข้างดีกว่าคาด
ส่วนประเด็นที่ 2 แนะติดตาม การรายงานดัชนีจีดีพีของไทยโดยมุมมองโนมูระคาดจะเติบโตถึงระดับ3.6%จากปีก่อน หากออกมาดีกว่าประเมินไว้ จะเป็นปัจจัย เชิงบวกกระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการลงทุนจากต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น หนุนโอกาสดัชนียังคงเดินหน้ามุ่งสู่แนวต้าน 1580-1600 จุด
บล.ฟินันเซียไซรัส รายงานจากเหตุระเบิดครั้งนี้เทียบกับในอดีต พบว่าดัชนี ปรับลงเฉลี่ย 1% เพียง 1-2 วัน กลุ่มโรงแรม ลงแรงแต่กลับเป็นโอกาสในการซื้อ ส่วนกระแสเงินทุนพักฐานเพียงชั่วคราว นำโดยกองทุนที่ขายมากกว่ากว่าต่างชาติ
ขณะที่กำไรสุทธิบจ.ส่วนใหญ่ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น23%จากไตรมาส1ปีนี้ และเพิ่มขึ้น7%จากงวดเดียวกันปีก่อน กลุ่มที่ดีกว่าคาดส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคอมมูดิตี้ เพราะกำไรจากสต็อกและส่วนต่างสินค้าปิโตรเคมีสูงกว่าคาด กลุ่มที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง ได้แก่ กลุ่มไฟแนนซ์ ค้าปลีก สื่อโฆษณานอกบ้าน อาหาร โรงแรม และกลุ่มพลังงานทดแทน