วิลล่า มาร์เก็ท ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย PASSION

วิลล่า มาร์เก็ท ภายใต้การกุมบังเหียนของ "คนรุ่น 2" เหนียวแน่นกับแนวทางธุรกิจที่มี Quality และ Passion เป็นหลักยึดมากกว่า ปริมาณ "สาขา"
ท่ามกลางสมรภูมิค้าปลีกที่ผู้ประกอบการแต่ละรายต่างเร่งขยายเครือข่ายสาขาให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเข้าถึงลูกค้าและช่วงชิงยอดขาย แต่กลับไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติไทย ภายใตการกุมบังเหียนของ "คนรุ่น 2" ยังเหนียวแน่นกับแนวทางธุรกิจที่มี Quality และ Passion เป็นหลักยึด
"เราเป็น นิช มาร์เก็ต ไม่เน้นเปิดสาขาจำนวนมาก แต่มุ่งไปในทำเลที่มีลูกค้าเป้าหมายสอดรับสินค้าและบริการของ วิลล่า มาร์เก็ท ที่มีให้"
พิศิษฐ์ ภูสนาคม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิลล่า มาร์เก็ท เจพี จำกัด ผู้บริหารเครือข่ายร้านค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม ภายใต้ชื่อ "วิลล่า มาร์เก็ท" กล่าวว่า นับจากเปิดกิจการในปี 2517 หรือ 42 ปี วิลล่า มาร์เก็ท มีสาขาเพียง 33 แห่ง แต่ธุรกิจมีความแข็งแรงและยั่งยืน ด้วยความแตกต่างที่ชัดเจนจากคู่แข่ง จากสินค้าและบริการที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้านำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจเป็นเนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ชีส กลุ่มสินค้าออร์แกนิค หรือ กลุ่มสินค้าสุขภาพ ที่กำลังเป็นเรือธงในยุคนี้ ทำหน้าที่เป็นทั้งกลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดชิ้นสำคัญของ "วิลล่า มาร์เก็ท" สร้างความโดดเด่นเหนือร้านซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆ และตอกย้ำความเป็น นิช มาร์เก็ต ไปพร้อมๆ กัน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของตลาดในยุค "โลกเปิด" การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารง่ายและรวดเร็ว ทำให้พฤติกรรมการบริโภคมีการเปลี่ยนแปลงตาม!!
"ลูกค้ามีความรู้ และความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นกว่าอดีต แต่ด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารง่าย ทำให้การตอบรับต่อร้านซูเปอร์มาร์เก็ตแบบวิลล่า มาร์เก็ท มีมากขึ้น"
นับเป็นโอกาสทางการตลาดในการขยายตัว ภายใต้โจทย์สำคัญ คือ โลเคชั่น ต้องใช่!! ใช่ในที่นี้ นอกจาก "ฐานรายได้" สำคัญกว่า คือ "ฐานลูกค้า" ที่จะตอบรับกับสินค้าและบริการที่ วิลล่า มาร์เก็ท นำเสนอ แม้จะมีกลุ่มลูกค้าที่มีความสามารถในการจ่าย แต่หากไม่มีความเข้าใจว่าทำไมต้องซื้อหรือใช้บริการที่วิลล่า มาร์เก็ท ก็ไม่ใช่!!
พิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า การตลาดแบบเดิมๆ แบ่งลูกค้าเป้าหมายตามรายได้ระดับบน-กลาง-ล่าง ซึ่งใช้ไม่ได้ 100% สำหรับการตลาดยุคนี้ ที่ธุรกิจและลูกค้าต้องไปด้วยกัน ฉะนั้นต้องเพิ่มเงื่อนไขของคำว่า เข้าใจ/ไม่เข้าใจ ในคอนเซปต์หรือแนวทางธุรกิจที่หากก้าวเดินไปได้พร้อมๆ กันจะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างมีศักยภาพ
ทั้งนี้ วิลล่า มาร์เก็ท วางแผนขยายสาขา 3-4 แห่งต่อปี ล่าสุดเปิดสาขาลำดับ 33 ที่ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์ จ.อุดรธานี ขนาด 1,200 ตร.ม. ลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท เป็นมาตรฐานของวิลล่า มาร์เก็ท ที่มีแพลตฟอร์มเดียวสำหรับธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ขนาดพื้นที่มาตรฐาน 1,000 ตร.ม.
ภายในสิ้นปีนี้เตรียมเปิดสาขาที่ 34 ย่านซอยไมยราพ รามอินทรา เป็นร้านสแตนอะโลน ส่วนปีหน้าและปีต่อๆ ไป มีการขยายสาขาต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ตามการขยายตัวของเมืองและไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ จะเห็นว่าช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา วิลล่า มาร์เก็ต ขยายตลาดหัวเมืองใหญ่มากขึ้น บางจังหวัดมีสาขามากกว่า 1 แห่ง อาทิ ภูเก็ต 3 สาขา หัวหิน 2 สาขา อุดรธานี 2 สาขา และพัทยา 1 สาขา
วิลล่า มาร์เก็ท ยังไม่มีแผนเปิดตลาดต่างประเทศ เพราะเชื่อว่า "ไทย" ยังมีโอกาสทางธุรกิจอีกมากตามการเติบโตของรายได้ประชากร และสังคมเมือง ที่จะสร้างพัฒนาการทางการบริโภค ตอบรับธุรกิจของ วิลล่า มาร์เก็ท ในพื้นที่การค้าจังหวัดระดับรองลงไป
วิลล่า มาร์เก็ท พร้อมจะออกนอกบ้าน เมื่อรู้สึกว่าตลาดประเทศไทยเต็มแล้ว...
'ยอมรับ-ปรับตัว'
สูตรสำเร็จธุรกิจครอบครัว
42 ปีของ "วิลล่า มาร์เก็ท" ยังคงสถานะธุรกิจครอบครัวอย่างเหนียวแน่น และก้าวย่างแห่งอนาคตจะไม่ละทิ้งความเป็น Family Business เช่นเดิม แต่เชื่อว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจ
หลักการสำคัญของผู้ประกอบการทั้งในธุรกิจครอบครัว หรือ มืออาชีพ นั่นคือ การไม่ยึดติด ต้องยอมรับความจริง และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
"เมื่อเรายอมรับการเปลี่ยนแปลง ก็จะทำให้ยอมปรับตัว"
พิศิษฐ์ ย้ำว่า ธุรกิจครอบครัวที่ล้มเหลว!! เหตุผลหนึ่งมาจาก...เลือกที่จะไม่ยอมรับความจริง แน่นอนว่า ไม่คิดจะปรับตัว
ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันยุค เมื่อ "ตกยุค" ย่อมหลุดวงโคจรไปโดยปริยาย