เกาะเกลียวคลื่น’เกาหลี’แจ้งเกิด’โชว์ ดีซี’ห้างอาเซียน

เกาะเกลียวคลื่น’เกาหลี’แจ้งเกิด’โชว์ ดีซี’ห้างอาเซียน

กว่า1,400 วันที่ทุ่มเทปลุกปั้น’โชว์ ดีซี’ย่านจตุรทิศ-พระราม 9 นับถอยหลังอีกกว่า 60 วัน จะได้ยลโฉม ช้อป กินดื่ม แจ้งเกิดห้างไทยขี่กระแสเกาหลี

แก้เกม ปรับแผนกันไปเป็นระยะๆ สำหรับโปรเจคยักษ์ ของกลุ่มทุน “เออีซี แคปปิตอล” ที่เกิดจากการผนึก 5 นักลงทุนไทย-มาเลเซีย ตั้งบริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด ปัดฝุ่นที่ดินกว่า 40 ไร่ ย่านพระราม 9 คาดหมายจะให้เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า ทว่าสุดท้ายปรับสู่ธุรกิจ“ค้าปลีก” แบรนด์“โชว์ ดีซี”

นอกจากปรับโหมดธุรกิจแล้ว ในแง่ของที่ดินยังเพิ่มจาก 27 ไร่ เป็น 43 ไร่ เพิ่มพื้นที่โครงการจาก 1.5 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) เป็น 1.8 แสนตร.ม. เงินลงทุนตั้งต้นโปรเจคเพิ่มจาก 6,200 ล้านบาท เป็น 9,500 ล้านบาท

ขณะเดียวกันโลกที่เข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงเร็วและแรงในยุคดิจิทัล ทำให้การทำธุรกิจต้องอุดความเสี่ยงให้มากที่สุด หนึ่งในนั้นคือการหาพันธมิตร

“โลกการทำงานเปลี่ยน การค้าเปลี่ยนไปมาก คนคิดทำธุรกิจในปัจจุบัน หากก็อปปี้ หรือทำเหมือนคนอื่น..เกิดยาก! แม้กระทั่งคนทำโครงการเก่า นานๆ ไม่ปรับเปลี่ยน ก็ไปต่อลำบาก” ชยดิฐ หุตานุวัชร์"ประธานบริษัท โชว์ดีซี คอร์ป จำกัด เล่าระหว่างการเปิดตัวพันธมิตรใหม่ “มอลล์ ออฟ โคเรีย” หรือ Mall of Korea : MoK ที่จะมาเปิดภายในศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ที่เมืองไทย

ย้อนกลับไป 4 ปีก่อน การปักหมุดศูนย์การค้าใหม่ในกรุงเทพฯ จึงต้องคิดแบบมีชั้นเชิงด้วย “นวัตกรรม 3 ประสาน” คือ อสังหาริมทรัพย์ บันเทิง และการท่องเที่ยว มาเป็นจุดขาย เพราะอสังหาฯมีความมั่นคง ส่วนบันเทิงตลาดมีความเคลื่อนไหวสูง ทำดีผลตอบแทนดีและคืนทุนเร็ว ส่วนท่องเที่ยว ไทยคือจุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก ความสำเร็จจึงไม่น่ายาก 

“สิ่งที่ทีมงานเรารังสรรค์ ผมกับโต๊ง (ประภาวัลย์ เวลาดีวงณ์ รองประธาน บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด) และนักลงทุน ทำโชว์ ดีซี ปีนี้ก็ 4 ปีแล้ว คนอื่นเวลาทำห้างค้าปลีกอาจจะใช้เวลา 3 ปี ของเรามากสักหน่อย ตอนคิดสร้างธุรกิจ ตั้งใจให้เป็นผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เรามุ่งมั่นและตั้งใจมาก” เขาบอกและเปรียบเปรยโปรเจคยักษ์เป็นเมนูเด็ด 

ถ้าเป็นอาหารคงไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยวผัด แต่เป็นเนื้อตุ๋นที่ตุ๋นกันนานมาก”

  เมื่อไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยว และศูนย์กลางการบินของภูมิภาค โชว์ ดีซี จึงวางกลุ่มเป้าหมายเป็นไทยและต่างชาติ 50% เท่ากัน หากแต่การเปิดห้างฯทีหลัง หวังดึงเป้าหมายดังกล่าว โดยทำห้างเดิมๆเน้นชอปปิง กินดื่ม แข่งขันกับห้างใหญ่เจ้าตลาดคงเหนื่อย จึงพยายามสร้างความ “แตกต่าง” โดยอาศัยกระแสเกาหลีมาเป็นตัวช่วยแจ้งเกิด เพราะ“เกาหลี” เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ทั้งซีรี่ย์ เพลง ความบันเทิงต่างๆ อาหาร วัฒนธรรม เครื่องสำอาง ตลอดจนสินค้าไอที

“คนไทยและนักท่องเที่ยวชอบเกาหลี จึงคิดว่าถ้าเรามีการผสมผสานกับโชว์ดีซี น่าจะทำให้เรามีความแตกต่าง เพราะเรามาทีหลัง ถ้าทำเหมือนเดอะมอลล์ เซ็นทรัล สยามพารากอนคงไม่ได้ เป็นนักต่อยมวยก็เหมือนเราต่อยกับมูฮัมหมัด อาลี คงไปต่อยสู้ไม่ได้ ขอแข่งว่ายน้ำดีกว่า”

การขี่คลื่นเกาหลีจึงบังเกิด เมื่อโครงการเนื้อที่ร่วมแสนตาราเมตรถูกจัดสรรให้ทุนเกาหลีพรึ่บ! ทั้งให้กลุ่ม YG  Entertainment ยักษ์ใหญ่บันเทิงแดนโสม นำร้านดังมาเปิดทั้งผับและร้านอาหาร YG Republique ร้านบาบีคิวชั้นเลิศของเกาหลี YG Republique Butcher’s Blue เป็นต้น ปล่อยพื้นที่เช่าส่วนนี้รวม 4,500 ตร.ม. และยังมีดิวตี้ฟีรีเบอร์ 1 แดนโสมอย่าง LotteDuty Free ที่เช่าพื้นที่ไป 10,000 ตร.ม. เพื่อจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี แม้เวลานี้ ยังมีอุปสรรคในการนำสินค้าเข้ามาพักไว้ก่อน 

“แต่ทุกฝ่ายพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ล็อตเต้ก็พยายามทำหน้าที่ของเขาเต็มที่และมั่นใจมาก” ชยดิฐ ให้คำตอบสั้นๆ ล่าสุด โชว์ ดีซี บินตรงสู่เกาหลี เพื่อพบปะ “ซาร่า คิม” ประธานคณะกรรมการ บริษัท มอลล์ ออฟ โคเรีย พร้อมจัดงานแถลงความถึงการร่วมมือครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเอ็มโอเคเข้ามาลงทุนในไทยร่วม 1,000 ล้านบาท เปิด “K-District by Mall Of Korea @SHOW DC” บนเนื้อที่ 18,000 ตร.ม.

แล้วมีอะไรใน เค ดิสทริค? 

เขาเผยแม่เหล็กดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย จากบรรดาเซเลบริตี้เกาหลีเลือกมาเปิดแห่งแรก เช่น ร้าน PSY Noodle House By PSY Gangnam Style ร้านอาหารและเบเกอรี After The Rain ของนักร้องเรน ร้าน BTS BRICK CAFÉ ของบอยแบนด์ชื่อดัง BTS หรือบันทังบอย ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ร้านเครื่องสำอางชื่อดัง ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี และซูเปอร์มาร์เก็ตเกาหลีแท้ๆ เป็นต้น

หลายคนอาจกังวลว่า....คลื่นเกาหลี จะเป็นเพียงกระแสวูบวาบ แต่ชยดิฐ มองตรงข้าม โดยเขาเชื่อมั่นว่า.. 

“เกาหลีเป็นเทรนด์ที่แข็งแรง เพราะนี่เป็นนโยบายระดับประเทศ และหลายอย่างล้วนเกาะกระแสดังกล่าว”

อีกความต่างที่เขาย้ำมาตลอด นอกจากความเป็นเกาหลี นั่นคือ การเป็นศูนย์การค้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สัดส่วน 50% กินดื่ม 25% และชอปปิง 25% ขณะที่ห้างฯอื่นเน้นชอปปิง 90% มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์ มากหน่อยก็โรงภาพยนตร์ โรงละคร เป็นต้น

ข้อข้องใจเรื่องทำเลที่ไร้ระบบขนส่งมวลชนเข้าถึง โครงการก็แก้โจทย์ด้วยการให้พื้นที่เป็นเทอมินัลสำหรับรถโดยสาร และยังมีชัตเทิลบัส 200 คัน ไว้บริการนักท่องเที่ยว และยังลงนามกับโรงแรม 27 แห่ง เพื่อไปรับนักท่องเที่ยวมาช้อป พร้อมไปส่งที่สนามบินทั้ง 2 แห่งด้วย เรียกว่า หาทางลดอุปสรรคธุรกิจให้มากที่สุด

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าจับตาคงเป็นวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พ.ย.นี้ เพราะเจ้าตัวขออุบเซอร์ไพรส์ไว้ แต่การันตีขอสร้างทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ให้เกิดขึ้น

กรำงานมาหนัก อยากเห็นโชว์ ดีซี เป็นแบบไหน ต้องใหญ่ยักษ์เหมือนเจ้าตลาดในไทยหรือไม่ ชยดิฐ ยิ้มก่อนตอบ 

“เป้าหมาย อยากให้โชว์ ดีซี เป็นแลนด์มาร์ก ด้านเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และรีเทลของอาเซียน หากผู้บริโภคในอาเซียนมาเที่ยวต้องนึกถึงเรา The must to come”

เมื่อโครงการนี้อยู่ตัว แผนต่อไปคือการขยายโชว์ดีซี สู่อาเซียน ให้ครบ 10 สาขา ภายใน 12 ปี โดยไทยตั้งเป้าหมาย 3 สาขา คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต แต่ก่อนนั้น ขอไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียก่อนกลับมาบุกไข่มุกอันดามันอย่างภูเก็ต

“เพราะภูเก็ตเจ้าพ่อเจ้าแม่เยอะ!” 

ส่วนการผุดโปรเจคใหม่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม คือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์นำ ส่วนขนาดจะเล็กลงตามพื้นที่และขนาดเศรษฐกิจ กำลังซื้อแต่ละจังหวัด

แน่นอนว่า ทุกโปรเจคยืนยันว่าจะมี มอลล์ ออฟ โคเรีย ร่วมด้วย

“เราจะไปกันเป็นโขยง พันธมิตรที่มาตั้งใจไปด้วยกัน เป็นสิ่งที่คุยกันตั้งแต่ต้น” 

ด้าน “ซาร่า คิม” ประธานคณะกรรมการ บริษัท มอลล์ ออฟ โคเรีย หรือ เอ็มโอเค กล่าวต่อหน้านักลงทุนไทยและเกาหลีว่า บริษัทต้องการขยายธุรกิจค้าปลีกไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยปักหมุดที่ “กรุงเทพฯ” เป็นสาขาแรก ในชื่อ “K-District by Mall Of Korea” ในศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ส่วนการทำตลาดในประเทศไทยจะใช้พลังของเหล่าศิลปิน คนดัง หรือเซเลบริตี มาเป็นกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จได้

การเลือกใช้กระแสเกาหลีในไทย เพราะเธอเห็นว่าเป็นคลื่นที่ปรากฎกับทุกสิ่งในไทย ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลด้านวัฒนธรรม ซีรี่ย์ นักร้อง อาหาร เครื่องสำอาง ล้วนได้รับความนิยมอยู่ในอันดับต้นๆอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากเปิดสาขาแห่งแรกในกรุงเทพฯ บริษัทวางแผนจะเปิดสาขาที่เชียงใหม่เพิ่มเติม รวมถึงขยายไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยตั้งเป้าหมายจะขยายให้ได้17แห่งทั่วโลก

“เอ็มโอเคต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเราใช้กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรกในการเปิดสาขา และเชื่อมั่นว่าการใช้เซเลบริตี้ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จง่าย เราเชื่อมั่นในวัฒนธรรมเกาหลี และต้องการจุดประกายการส่งออกสินค้าความบันเทิงไปบุกตลาดทั่วโลก”

--------------------------------

 ปรากฏการณ์

คลื่นเกาหลีโถมโลก

ชยดิฐ ถูกถามไถ่มากว่าทำไมต้องดึงมอลล์ ออฟ โคเรีย มาปักที่โชว์ดีซี จึงพาทัพสื่อไปสัมผัสแดนโสมให้เห็นภาพจริง พร้อมบรรยายย้อนอดีตที่เคยมาเที่ยวเกาหลีช่วงเรียนจบจากสหรัฐฯใหม่ๆ 36-37 ปีก่อน เกาหลีใต้เป็นประเทศยากจนมากๆ จนกว่าไทย 

ทว่า 5 ปีก่อนได้ไปบรรยายการพัฒนาของอาเซียนให้ชาวเกาหลีฟัง ถึงขั้นตกใจ! เพราะทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

“ประเทศมีความแข็งแรงด้านเศรษฐกิจ ส่งออก ไอที เป็นประเทศผู้นำในภูมิภาคเอเชียในระยะเวลาครึ่งชั่วคน ซึ่งปกติทำกันไม่ได้” 

ขณะเดียวกัน Korean Wave กลายเป็นปรากฎการณ์ระดับโลก คลื่นเกาหลีถาโถมไปทั้งโลก สหรัฐเคยถือครองเศรษฐกิจในเกาหลี 80%ผ่านสินค้าและบริการ โค้ก แม็คโดนัล เป๊ปซี่ฯ กระทั่งหนังจูราสิค พาร์ค 1 เรื่อง เคยทำเงินได้มากกว่ายอดขายรถยนต์ฮุนได สัญชาติเกาหลี กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ “ผู้นำประเทศ” ขณะนั้นประเทศหันมาขับเคลื่อนนโยบายส่งออกวัฒนธรรมเป็นไอเทมหนึ่งของโลกอย่างจริงจัง

รัฐบาลทุ่มเงินมหาศาลกับด้านวัฒนธรรม ให้เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง กระทั่งผลิตภาพยนตร์ออกมาทำรายได้ชนะไททานิก จากนั้นก็เกิดกระแส K-pop ซีรี่ส์เกาหลี เพลงรักในสายลมหนาว (Love Sonata) ทำให้เกานามิ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง ไซ กังนัมสไตล์ ร้องและเต้นจนทุบสถิติผู้ชมสูงสุดตลอดกาลในยูทูป มิเชล โอบามา กล่าวถึงอาหารกิมจิ

“เศรษฐกิจเกาหลีไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยซัมซุง หรือด้านไอทีอย่างเดียว แต่ขับเคลื่อนด้วย Korean wave เกิดการพัฒนา 2 ทางใหญ่คือท่องเที่ยว และสินค้าที่รุนแรงมาก” 

โดย 17 ปีที่ผ่านมากราฟทุกเส้นของ K-pop K-drama เติบโตต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่า กระแสเกาหลีเป็นที่ต้องการของตลาดโลก