ครม.เห็นชอบ มาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
มติครม.เห็นชอบมาตรการดึงดูดนทท.ต่างชาติ ยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa ที่สถานทูตหรือกงสุลไทย และปรับลดค่าธรรมเนียมตรวจลงตราชั่วคราว
กระทรวงท่องเที่ยว รายงานว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวสูงและมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญนำมาซึ่งเงินตราต่างประเทศ การสร้างงาน และการกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค
นอกจากนี้การท่องเที่ยวยังมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศสามารถช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในเวลาที่รวดเร็วกว่าภาคการผลิตและบริการอื่น ๆ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มการแข่งขันรุนแรงขึ้นตามลำดับซึ่งหลายประเทศได้ดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวของไทยอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางเข้ามาในอนาคต ประกอบกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำลังดำเนินมาตรการทางด้านการตลาดเชิงรุก ดังนั้นเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ของฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง การดำเนินนโยบายโดยใช้กลไกภาครัฐในการจูงใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในการขอรับการตรวจลงตราถือเป็นตัวขับเคลื่อนการกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้อย่างรวดเร็วและสามารถดำเนินการได้โดยด่วน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาระดับขีดความสามารถในการดึงดูดและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และเพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว (High Season) ในระยะสั้น โดยการดำเนินการ ดังนี้1) ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (Visa) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยจำนวน 1,000 บาทต่อคน เป็นการชั่วคราว2) ปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VOA) ให้แก่ชาวต่างประเทศ
โดยปรับค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง ใช้ได้ครั้งเดียว จำนวน 19 ประเทศ ได้แก่ อันดอร์รา บัลแกเรีย ภูฏาน จีน ไซปรัส เอธิโอเปีย อินเดีย คาซัคสถาน ลัตเวีย ลิทัวเนีย มัลดีฟส์ มอลตา มอริเชียส โรมาเนีย ซานมาริโน ซาอุดิอาระเบีย ไต้หวัน ยูเครน อุซเบกิสถาน เป็นจำนวน 1,000 บาทต่อคน เป็นการชั่วคราว ซึ่งเท่ากับค่าธรรมเนียมเดิมก่อนที่กฎกระทรวงฉบับที่ 30 (พ.ศ. 2559) มีผลบังคับใช้ (วันที่ 27 กันยายน 2559) อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.59 - 28 ก.พ.60 ซึ่งจะครอบคลุมระยะเวลา 3 เดือน