ทัวร์เด้งรับเว้นวีซ่าจัดแพ็คเกจไฮซีซันกระตุ้นตลาดจีน

หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย 1,000 บาท ตั้งแต่ 1 ธ.ค.2559-28 ก.พ.2560 เป็นเวลา 3 เดือน และปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) ให้แก่ชาวต่างชาติจาก 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาท นั้น

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม 3.57 แสนคน สร้างรายได้เพิ่มอีก 2.8 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมีตลาดจีนครองส่วนแบ่งเท่าใด แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจีนจะได้รับอานิสงส์โดยมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้ามาราว 9.1-9.2 ล้านคน เนื่องจากจะทำให้ไทยกลับไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เสียเปรียบในการแข่งขันกับต่างประเทศที่เริ่มใช้มาตรการวีซ่าในการกระตุ้นตลาดโดยเฉพาะตลาดจีนที่ถือเป็นฐานลูกค้ารายใหญ่

เช่น เกาะเชจู ของเกาหลีใต้ที่ยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนเดินทางตรงมาทางเครื่องบิน เช่นเดียวกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่เพิ่งประกาศให้นักท่องเที่ยวสามารถทำวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ ขณะที่มาเลเซีย ยกเว้นการทำวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนไปจนถึงเดือน ธ.ค.2560 และอินโดนีเซีย เป็นประเทศล่าสุดในอาเซียน ที่ใช้มาตรการวีซ่ากระตุ้นตลาด

ตั้งคณะทำงานศึกษาเว้นธรรมเนียมวีซ่า

นอกจากนั้น เพื่อเป็นการศึกษาผลกระทบทั้งในเชิงบวกและลบเพื่อวางแผนต่อเนื่องในระยะยาว กระทรวงท่องเที่ยวฯจึงตั้งคณะทำงานเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และเพื่อคาดการณ์ด้านการท่องเที่ยวในเชิงลึก ศึกษาการใช้มาตรการวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยการให้ศึกษาเปรียบเทียบการแข่งขันจากทั่วโลกที่ใช้มาตรการอยู่ในขณะนี้ รวมถึงให้วิเคราะห์ด้วยว่าหากไทยต้องการนำมาตรการนี้มาใช้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จะต้องใช้กับตลาดใดหรือในรูปแบบใดเพื่อให้เหมาะสม

ขณะนี้ มีโมเดลจากหลายประเทศที่ต้องศึกษา เช่น หากต้องการกระตุ้นตลาดที่มีศักยภาพอย่างจีน อาจให้ศึกษาการนำรูปแบบการพิจารณาวีซ่าของสหรัฐอเมริกามาใช้ คือ ให้พิจารณาอย่างเข้มงวดแต่ให้สามารถเดินทางเข้า-ออกได้หลายครั้งเป็นระยะเวลาหลายปีต่อเนื่อง

หลังจากได้ผลการศึกษารูปแบบที่เหมาะสมกับไทยแล้ว จะนำเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง โดยต้องการให้คณะทำงานสรุปผลได้ภายใน 3 เดือนนี้ เพื่อจะได้ประกาศใช้ให้ต่อเนื่องหลังจากที่ ครม.อนุมัติมาตรการชั่วคราวไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทั้งนี้อาจจะไม่จำเป็นต้องครอบคลุมทุกตลาด แต่หลังจากการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนแล้ว อาจจะคัดประเทศที่เป็นเป้าหมายหลัก เช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน

11เดือนจีนเดินทางเข้าไทย8ล้านคน

สำหรับสถานการณ์ตลาดจีนมาไทยตั้งแต่ 1 ม.ค.-20 พ.ย.มีการเดินทางเข้ามาแล้ว 8 ล้านคน ขณะที่รายได้สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. จีนยังใช้จ่ายเป็นอันดับ 1 ที่ 3.91 แสนล้านบาท ตามด้วยมาเลเซีย 7.48 หมื่นล้านบาท และอันดับ 3 รัสเซีย 6.43 หมื่นล้านบาท โดยในส่วนของตลาดจีน เป็นการทำรายได้สร้างสถิติสูงกว่าตลอดปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ 3.76 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังเหลืออีก 2 เดือนที่อยู่ในช่วงไฮซีซัน

นางกอบกาญจน์ กล่าวด้วยว่า การเติบโตในเชิงรายได้ของตลาดจีนเป็นการตอกย้ำมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำให้เกิดปัจจัยบวกในการสกัดกรองนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาซื้อของไทยและอุดหนุนรายได้ให้ประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นนโยบายสั่งตรงมาจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และต่อไปนี้จะไม่มีการเรียกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว แต่จะให้จำกัดความเป็นทัวร์ผิดกฎหมาย ทำให้ไทยจะมีแต่ทัวร์ถูกกฎหมายและทัวร์ผิดกฎหมายเท่านั้น

เชื่อหนุนท่องเที่ยว“ไฮซีซัน”

ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุณทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา เชื่อว่าจะเป็นมาตรการที่เห็นผลในทิศทางบวกส่งเสริมบรรยากาศในช่วงไฮซีซันได้ดีมาก เพราะเมื่อเทียบเคียงกับที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2557 อนุมัติให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (VISA FEE)ประเภทนักท่องเที่ยวแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางจีน และผู้ถือหนังสือเดินทางจีนไทเป เป็นเวลา 3 เดือน ปรากฏว่ามียอดนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นถึง 60%

ส่วนการจะเสนอมาตรการวีซ่าต่อเนื่องหลังจากเดือนก.พ. จะต้องวิเคราะห์คู่แข่งและความเหมาะสมของไทย เช่น มาเลเซีย จะเป็นการยกเว้นการตรวจลงตรา คือ ไม่ต้องทำวีซ่าเลย แต่ในครั้งที่ผ่านมาไทยยังยกเว้นเฉพาะค่าธรรมเนียมเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวยังต้องเดินทางไปทำวีซ่า ณ สถานฑูตหรือสถานกงสุลอยู่

ทัวร์เร่งจัดแพ็คเกจกระตุ้นตลาด

ด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า มาตรการวีซ่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้เป็นอย่างดี และแอตต้าเตรียมนำมาตรการนี้ เป็นกลยุทธ์ในการจัดแพ็คเกจทัวร์นำเสนอตลาดอย่างเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจรวดเร็วภายในกรอบเวลา 3 เดือนที่กำหนด

นายประมุข ไชยวรรณ ประธานกรรมการบริหารสายการบินนิวเจน แอร์เวยส์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และคิดว่าการใช้มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าล่าสุดจะมีผลที่ดีต่อการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนมาไทย แต่หากรัฐบาลจะพิจารณาใช้มาตรการวีซ่าต่ออีกหลังจากจบ 3 เดือนนี้แล้ว เสนอให้ยกเลิกการตรวจลงตราหรือให้วีซ่าฟรีไปเลย เพื่อสะดวกต่อนักท่องเที่ยว

นิวเจนฯลดสัดส่วนตลาดจีน

นอกจากนั้น สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐทำคู่ขนานคือ ตรวจตราเรื่องการใช้เครือข่ายร้านค้าที่ให้บริการกลุ่มทัวร์ให้จำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์จัดหาสินค้าโอท็อปไทยและกำหนดราคามาตรฐานให้ร้านค้าดังกล่าวเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของไทย ทำให้ธุรกิจในประเทศได้รับประโยชน์แทนการชอปปิงแต่สินค้าต่างประเทศ ขณะเดียวกันให้เข้มงวดในการจัดเก็บภาษีจากร้านค้าเหล่านี้ให้ถูกต้อง จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้ไทยรับรู้รายได้ที่แท้จริงจากกลุ่มท่องเที่ยวจีน

นายประมุข กล่าวด้วยว่า ระหว่างที่ตลาดจีนมีอัตราเดินทางอ่อนตัวลง สายการบินปรับตัวโดยเตรียมลดสัดส่วนตลาดจีนจาก 70% เหลือ 50% โดยขณะนี้มีฝูงบิน 8 ลำ ประกอบด้วย เครื่องโบอิ้ง 737-400 จำนวน 4 ลำ และ 737-800 อีก 4 ลำ และในเดือน ธ.ค.กำลังจะรับเครื่องใหม่เพิ่มอีก 1 ลำ เพื่อเตรียมสำหรับการเปิดตลาดใหม่ไปยัง อินเดีย และฟิลิปปินส์ ในปีหน้า