กู้แสนล้านหนุน 'ประชารัฐสร้างไทย'

กู้แสนล้านหนุน 'ประชารัฐสร้างไทย'

รัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรแสนล้าน เริ่ม ม.ค. 2560 ดันหนี้สาธารณะขยับเป็น 43% อัดฉีด 18 กลุ่มจังหวัด หลังไอเอ็มเอฟแนะขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใน

รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 100,000 ล้านบาท เพื่อรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยจัดสรรให้ในระดับจังหวัด หลังจากรัฐบาลประเมินว่าในปีหน้ายังจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้น

วานนี้ (30 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) โดยการจัดทำงบประมาณกลุ่มจังหวัดโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนภาคเอกชน เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน

ก่อนหน้านี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลระบุว่าจะนำงบจากส่วนราชการที่ไม่มีการเบิกจ่ายและงบเพิ่มเติมราว 40,000 ล้านบาท ให้กลุ่มจังหวัด แต่ไม่สามารถจัดสรรในงบประมาณปีนี้ได้ทัน โดยวงเงิน 40,000 ล้านบาทจะเริ่มเบิกจ่ายได้ในงบประมาณปี 2561 หรือ เริ่มในเดือนต.ค. 2560

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่ารัฐบาลมีแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศให้มีความเข้มแข็งและสามารถรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในอนาคตได้ ในช่วงเดือน ม.ค.ปี 2560 รัฐบาลจะออกพันธบัตร วงเงิน 1 แสนล้านบาทเศษ โดยเป็นการระดมทุนจากสภาพคล่องที่มีอยู่ภายในประเทศเพื่อนำวงเงินที่ได้ไปใช้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 จังหวัด กลุ่มละ 5-6 พันล้านบาท เพื่อให้กลุ่มจังหวัดนำไปใช้ทำโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศในช่วงเวลาระหว่างเดือน ก.พ. – ก.ย.2560

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่าโครงการนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจในปีหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวได้ในระดับ 3-3.5% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)มีการคาดการณ์ไว้ และหากเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้นตามโครงการของภาครัฐทำให้เม็ดเงินหมุนไปหลายรอบก็จะทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวได้ในระดับ 4%

ชี้ไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่าการออกมาตรการดังกล่าวเป็นผลมาจากการหารือกันในรัฐบาล รวมทั้งคำแนะนำจากองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ระบุว่าเศรษฐกิจและการค้าโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวมายาวนานและยังไม่มีทิศทางจะฟื้นตัวได้รวดเร็วนัก ดังนั้นแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงควรเพิ่มการขับเคลื่อนในประเทศ

ในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลมีการตั้งงบประมาณขาดดุล 3.9 แสนล้านบาท ยังเหลือช่องที่จะกู้เงินได้ โดยยังรักษาวินัยทางการคลังไว้ได้อีก 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลตัดสินใจจะออกพันธบัตรเงินกู้ประมาณ 1 แสนล้านบาทเศษเพื่อทำโครงการพัฒนากลุ่มจังหวัด

หลังจากออกพันธบัตรครั้งนี้ จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 43% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 42% โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้อยู่ที่ 45%

หวัง“จัมพ์สตาร์ท”ทั่วประเทศ

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกลุ่มจังหวัดครั้งนี้ถือเป็นการปฏิรูปแนวทางการจัดสรรงบประมาณที่แต่เดิมจะเป็นโครงการจากส่วนกลาง ให้เป็นโครงการที่มาจากความต้องการของชุมชน ท้องถิ่นและสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศจากฐานของชุมชนซึ่งจากเดิมที่กลุ่มจังหวัดเคยได้รับเพียงกลุ่มละ 300-400 ล้านบาท มาเป็นกลุ่มละ 5-6 พันล้านบาทก่อนที่ในปีงบประมาณ 2561 งบประมาณกลุ่มจังหวัดจะได้รับจัดสรรประมาณ 4 หมื่นล้านบาท

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่าได้กำชับไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน หรือซื้อของที่ชาวบ้านไม่ต้องการ โดยฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงมหาดไทยไปทำงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆเพื่อคัดเลือกโครงการที่จะสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชนอย่างแท้จริง

“ผมเรียกโครงการนี้ว่า Jump Start เชื่อว่าจะเคลื่อนเศรษฐกิจไปทั่วประเทศ เพราะส่วนนี้เป็นเงินก้อนใหญ่ที่ลงไปขับเคลื่อนและจะทำให้เศรษฐกิจของเราโตเต็มศักยภาพได้ตามแนวทางกลุ่มจังหวัด 4.0 เพราะเอกชนจะเห็นโอกาสแล้วลงทุนตาม โดยขั้นตอนการออกพันธบัตรจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.2560 โดยขณะนี้ตลาดภายในประเทศมีสภาพคล่องเพียงพอและมีความต้องการที่จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอยู่แล้วเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ โดยเม็ดเงินที่เพิ่มเติมให้กลุ่มจังหวัดละ 5-6 พันล้านบาทเราจะรู้ความต้องการของวงเงินที่แท้จริงในช่วงกลางเดือน ม.ค.ปีหน้า แล้วเราจะออกตามวงเงินที่ต้องการโดยในเดือน ก.พ.เม็ดเงินก็จะลงสู่ชุมชนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนและกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ”นายอภิศักดิ์กล่าว

เงินลงโครงการ-กองทุนหมู่บ้าน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณให้กลุ่มจังหวัดมาจากแนวนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรัดการลงทุนของประเทศ ขณะเดียวกันก็มุ่งที่จะสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากเศรษฐกิจฐานรากที่ระยะต่อไปกลุ่มจังหวัดจะต้องมีบทบาทมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่กลุ่มจังหวัดต่างๆต้องไปพัฒนายุทธศาสตร์ แผนงานโครงการ จัดลำดับความสำคัญโครงการต่างๆ

ทั้งนี้การจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้อาจจะแบ่งเป็นในส่วนของการอนุมัติตามโครงการและอีกส่วนเป็นเม็ดเงินที่ลงไปในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งอาจเป็นรูปแบบการเพิ่มทุนให้กองทุนหมู่บ้านเพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระดับชุมชนโดยตรง

“ผมเรียกโครงการนี้ว่าประชารัฐสร้างไทย เพราะเราจะใช้รูปแบบของประชารัฐในการขับเคลื่อน ให้ทุกส่วนเข้ามาร่วมกันหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานศึกษา ซึ่งโครงการส่วนนี้จะทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าขับเคลื่อนไปด้วยดี เนื่องจากส่วนหนึ่งรัฐบาลมีการขับเคลื่อนโครงการพื้นฐานต่างๆลงไปแล้วมาก เช่น รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ ซึ่งทั้งหมดเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับอนาคต” นายสมคิด กล่าว

หอการค้าคาดส่งผลดีเศรษฐกิจปีหน้า

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณเพิ่มให้กับกลุ่มจังหวัดเพิ่มขึ้น 5-6 พันล้านบาท จะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจในปี 2560 พอสมควรเนื่องจากเป็นวงเงินที่สูงพอที่จะเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้ แต่ปัญหาก็คือระยะเวลาในการจัดทำโครงการเพื่อเสนอให้สำนักงบประมาณมีจำกัด

ดังนั้นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชนคือ กรอ.จังหวัด และกลุ่มจังหวัดควรเลือกโครงการที่มีการศึกษารายละเอียดต่างๆเอาไว้พร้อมในระดับหนึ่ง สามารถที่จะเสนอโครงการและดำเนินโครงการได้รวดเร็วตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในเดือน ม.ค.2560 มากกว่าที่จะเริ่มจากโครงการใหม่ที่ยังไม่มีการศึกษาเพราะอาจจะไม่ทัน สำหรับโครงการที่มีการศึกษาไว้ในพื้นที่ต่างๆแล้ว เช่น โครงการแหล่งน้ำชุมชนที่มีการสำรวจพื้นที่ไว้แล้ว เป็นต้น