เชนโรงแรมสัญชาติไทยปักหมุดทั่วเอเชีย

เชนโรงแรมสัญชาติไทยปักหมุดทั่วเอเชีย

Thai Hospitality หรือ เอกลักษณ์ด้านอัธยาศัยการบริการและต้อนรับในแบบของไทย เป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมสัญชาติไทยทะยานสู่ระดับนานาชาติ

ประกอบกับความแข็งแกร่งในการสร้างแบรนด์และบริหารงานจากประสบการณ์ด้านท่องเที่ยวในประเทศที่เติบโตสูงมานานนับสิบปี กลุ่มโรงแรมไทยจึงรุกนำแบรนด์ผงาดปักธงทั่วโลก

ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ในปี 2559 ไมเนอร์เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 3 แห่ง เป็น อนันตรา ในศรีลังกา 2 แห่ง อวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ 1 แห่ง พร้อมเซ็นสัญญาใหม่อีก 6 แห่ง ประกอบด้วย อนันตรา 2 แห่งในโอมาน อวานี 2 แห่งที่ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ อวานี ขอนแก่น โรงแรม 2 แห่ง ในเคนย่า (Loisaba Tented Camp และ Loisaba Star Beds) นอกจากนั้น ยังเพิ่มโรงแรมในกลุ่มโอ๊คส์ 2 แห่ง ในออสเตรเลีย ภายใต้สัญญาการบริหารสินทรัพย์ (management letting rights) ด้วย

ทำให้ไมเนอร์มีโรงแรมในพอร์ตเพิ่มจาก 138 แห่ง ในปี 2558 เป็น 155 แห่ง ครอบคลุม 23 ประเทศทั่วโลก สิ้นสุดปี 2559  เป็นโรงแรมในไทย 24 แห่ง อีก 1 แห่ง ลงทุนเองอยู่ระหว่างก่อสร้างที่เขาหลัก ส่วนต่างประเทศมีโรงแรมกว่า 131 แห่ง ประกอบด้วยโครงการที่ลงทุนเองและอยู่ระหว่างการพัฒนา 3 แห่งในอินเดีย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ส่วนโรงแรมที่เข้ารับบริหาร มีอย่างน้อย 22 แห่ง ทั่วเอเชีย ตะวันออกกลาง  ออสเตรเลีย แอฟริกา อเมริกาใต้ ที่จะทยอยเปิดใน 3 ปีต่อไปนี้

ตามแผนปี 2560 มีโครงการภายใต้การลงทุนที่เตรียมเปิดให้บริการ 1 แห่งที่อินเดียภายใต้แบรนด์โอ๊คส์ ส่วนโครงการที่เซ็นสัญญาไปแล้ว 10 โครงการ ทยอยเปิดในปี 2560 มีหลากหลายภายใต้แบรนด์อนันตรา อวานี ทิโวลี และโอ๊คส์

อย่างไรก็ตาม จำนวนการขยายงานดังกล่าวยังไม่รวมโอกาสที่ไมเนอร์อาจจะประกาศการควบรวมกิจการ หรือการเซ็นสัญญารับบริหารโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างเจรจา เชื่อว่าจำนวนโรงแรมที่เปิดใหม่ในปี 2560 มากกว่าปี 2559 แน่นอน

ด้านโรงแรมเครือดุสิต ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2491  ผลักดันชื่อเสียงขยายสู่ต่างประเทศจนเห็นผลสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ปี 2559 ดุสิตเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ ดุสิตดีทู เขาใหญ่ ดุสิตดีทู เคนซ์ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี และดุสิตปริ๊นเซส รีสอร์ท ผานจือฮัว มณฑลเสฉวน ประเทศจีน 

ส่วนการเซ็นสัญญารับบริหารใหม่มีถึง 9 โครงการ ปี 2560 จะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 3-4 แห่ง และมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มการรับบริหารอีก 1-2 แห่ง 

ตอกย้ำความเป็นโรงแรมที่เน้นเอกลักษณ์ไทย เมื่อขยายแบรนด์ไปต่างประเทศก็ยังได้รับความนิยมสูง

เช่นเดียวกับเครือเซ็นทารา ที่ผันบทบาทการเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมสู่การเติบโตในเชิงรับบริหารควบคู่กันไปด้วย ในช่วงปี 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งมีห้องพักในเครือรวมกว่า 7,566 ห้องทั้งในไทยและต่างประเทศ ยังคงสัดส่วนการเป็นเจ้าของหรือร่วมทุนเองกับสัดส่วนการรับบริหารจะเท่ากันที่ 50:50 แต่วางกลยุทธ์ว่าเมื่อถึงปี 2564 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการรับบริหารเป็น 60% จากห้องพักที่คาดว่าจะมีถึง 1.4 หมื่นห้อง

ธีรยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ในปี 2559 เซ็นทารา เปิด 2 โรงแรมใหม่ ได้แก่ เซ็นทารา มาลิส จอมเทียน พัทยา และ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราภูพาโนรีสอร์ท กระบี่ ขณะที่โครงการลงทุนเองที่จะเป็นไฮไลท์ ได้แก่โรงแรมโคซี่ สมุย ที่ใช้งบลงทุนกว่า 350 ล้านบาท ตั้งใจให้เป็นต้นแบบของแบรนด์ระดับบัดเจ็ตที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ และใช้เป็นเรือธงในการขยายสู่การรับบริหารโครงการต่างประเทศในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าแล้วเสร็จปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561 ขณะเดียวกันในปี 2560 เตรียมลงทุน 620 ล้านบาท โครงการโคซี่ พัทยา คาดเปิดบริการในปี 2562

นอกจากนั้น ยังมีโครงการร่วมทุนเพื่อพัฒนาโรงแรมในตะวันออกกลาง  เป็นโรงแรมที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับเซ็นทาราในภูมิภาคดังกล่าว หลังจากปี 2559 เข้ารับบริหารโรงแรม 2 แห่งที่กรุงโดฮา ของกาตาร์ และกรุงมัสกัต เมืองหลวงประเทศโอมาน

ปีเตอร์ เฮนลีย์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ปี 2559 ออนิกซ์ เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ 4 แห่ง โดย 2 แห่ง อยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ อมารีฮาวอดด้า มัลดีฟส์ และชามา มิดเลเวลส์ ฮ่องกง ส่วนโครงการในไทย คือ ชีวา เรสซิเดนซ์ กรุงเทพ และโรงแรมโนวา เอ็กซ์เพรส พัทยา

ส่วนโครงการอมารี เกาะสมุย หลังปิดปรับปรุงไป 1 ปีเต็ม ได้กลับมาเปิดให้บริการใหม่  ส่วน อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพ ผ่านการปรับโฉมล็อบบี้และห้องพักใหม่ พร้อมรีแบรนด์ห้องอาหารมาเป็นอมาญา ฟู้ด แกลเลอรี่

ขณะที่ กมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า ตามกลยุทธ์การขยายงานปัจจุบันเน้นการเติบโตที่อาเซียนเป็นหลัก โดยปักธงที่ฟิลิปปินส์ซึ่งในปี 2559 เปิดโรงแรมฮ็อป อินน์ แห่งแรก ที่มะนิลา  และยังมีแผนขยายตลาดในฟิลิปปินส์ให้ถึง 20 โรงแรม ภายในปี 2563 ด้วย