‘ภาษีบุคคล’ ใหม่เพิ่มลดหย่อน-บรรเทาภาระ

ระบบภาษีใหม่จะส่งผลให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 26,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ(อีไอซี ) ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2559 ครม.มีมติให้ปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยให้มีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 ทั้งนี้การปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวมีการปรับปรุงสาระสำคัญใน 3 ส่วนหลัก
ส่วนแรก คือ ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่าย
1.ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่ายของเงินเดือน ค่าจ้าง ค่านายหน้า ฯลฯ จากเดิมให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ 40% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท เพิ่มเป็น 50% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
2.ปรับปรุงการหักค่าใช้จ่ายของค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์ หรือสิทธิอย่างอื่น จากเดิมให้หักค่าใช้จ่ายได้เฉพาะค่าลิขสิทธิ์เป็นการเหมาได้ 40% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 60,000 บาท เพิ่มเป็น 50% ของเงินได้แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ส่วนที่สอง ปรับปรุงการหักค่าลดหย่อน
1.ค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
2.ค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
3.ค่าลดหย่อนบุตรจากเดิมคนละ 15,000 บาท และจำกัดจำนวนไม่เกิน 3 คน เพิ่มเป็นคนละ 30,000 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร และยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร(จากเดิมที่ให้หักลดหย่อน 2,000 บาท/คน)
4.ในกรณีที่คู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120,000 บาท
5.กองมรดก เดิมให้หักลดหย่อนได้ 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท
6.ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เดิมให้หักลดหย่อนแก่หุ้นส่วนคนละ 30,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท เป็นคนละ 60,000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120,000 บาท
ส่วนที่สาม ปรับปรุงภาษี โดยขยายช่วงเงินได้สุทธิในการคำนวณ จากเดิมผู้มีเงินได้ 2-4 ล้านบาท เสียภาษีอัตราสูงสุด 30% เป็น 2-5 ล้านบาท ทำให้ผู้มีเงินได้ระหว่าง 4-5 ล้านบาท ได้ปรับอัตราภาษีลง
ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีดังกล่าวจะทำให้ผู้เสียภาษีได้ผลประโยชน์จากการเสียภาษีน้อยลง และภาครัฐอาจสูญเสียรายได้ภาษีประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์เบื้องต้นได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มผู้ที่เคยเสียภาษีและไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งกลุ่มนี้จากเดิมผู้มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี ระบบภาษีใหม่จะส่งผลให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 26,000 บาทต่อเดือนไม่ต้องเสียภาษี
กลุ่มผู้ที่ได้ลดหย่อนและหักค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยมีการปรับปรุงใน 2 ประเด็นหลักที่จะทำให้ผู้เสียภาษีทุกคนจะได้รับผลประโยชน์ทั้งการเพิ่มการหักค่าใช้จ่าย และการเพิ่มค่าลดหย่อนผู้มีเงินได้ ซึ่งรวมทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวแล้ว ผู้เสียภาษีทุกคน (ที่เป็นโสดและไม่ได้สิทธิลดหย่อนอื่นๆ) จะได้ลดหย่อนเพิ่มขึ้น 70,000 บาท ส่งผลให้เสียภาษีน้อยลงอย่างน้อย 3,500 บาท และเพิ่มขึ้นตามอัตราภาษี โดยผู้มีบุตร สมรส หรือใช้สิทธิลดหย่อนอื่นๆ ก็จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
กลุ่มผู้ที่ได้ลดหย่อนเพิ่มขึ้นและได้ปรับอัตราภาษีสูงสุด การปรับอัตราภาษีสำหรับระดับเงินได้ขั้นสุดท้าย ส่งผลให้ผู้มีเงินได้สุทธิระหว่าง 4-5 ล้านบาทต่อปี เสียภาษีในอัตราที่น้อยลงจาก 35% ลงมาที่ 30% ทำให้เสียภาษีน้อยลงได้หลายหมื่นบาท
ด้าน “สมชาย แสงรัตนมณีเดช” รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร บอกว่า พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2560 เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เริ่มมีผลบังคับใช้แล้วสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค2560 เป็นต้นไป
กรมสรรพากรจึงขอแจ้งให้ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการคำนวณภาษีให้ถูกต้องซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างภาษีในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้มีเงินได้ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงการหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้มีเงินได้เสียภาษีในแต่ละเดือนลดลง ส่งผลให้มีเงินได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ