'แบงก์' แข่งดุตั้งเครื่องรูดบัตร

แบงก์ "แข่งดุ" ตั้งเครื่องรูดบัตร หั่นค่าธรรมเนียมเดบิตต่ำสุด0%
ในช่วงนี้ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องอีดีซี (EDC) ทั้ง 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม TAPS ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต กรุงศรีอยุธยา ทหารไทยและกลุ่ม Consortium ของธนาคารกรุงเทพ และกสิกรไทย ต่างกำลังเร่งติดต่อร้านค้าเพื่อติดตั้งให้ได้ตามเป้าหมายที่กระทรวงการคลังให้มา โดยเป้าหมายต้องติดตั้งให้ได้ 100% ภายในเดือนมี.ค.2561
แม้ว่ากระทรวงการคลังจะให้รายชื่อร้านค้าเป้าหมายมา 5.5 แสนรายชื่อ แต่ในความเป็นจริงไม่ได้หมายว่าจะติดตั้งเต็ม 5.5 แสนเครื่อง เพราะอย่าลืมว่าร้านค้าโดยส่วนใหญ่ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ซึ่งแน่นอนว่าอยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากรต่างมีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว และบางร้านก็อยู่ในธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสดอยู่แล้ว
เป้าหมายที่คลังกำหนดไว้ จึงไม่ใช่จำนวนการติดตั้งที่แท้จริง แต่เป็นเป้าหมายการติดต่อร้านค้า ซึ่งร้านค้านั้นจะตอบรับติดตั้ง หรือปฏิเสธไม่ติดตั้งก็ได้
อย่างไรก็ตามในจำนวนร้านค้าเหล่านี้ ก็ยังมีบางส่วนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจริงๆ ของแต่ละแบงก์ต้องการดึงมาเป็นลูกค้าของตัวเอง แต่ละแบงก์จึงงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาทำการตลาดเพื่อหาลูกค้า ที่เห็นได้ชัดคือ การแข่งขันลดค่าธรรมเนียมการรูดบัตร ทั้งบัตรเดบิต และบัตรเครดิต
ธนาคารทหารไทยออกแคมเปญ “คุ้มทั้งรับจ่าย ค้าขายคล่องตัว” โดยฟรีค่าติดตั้งเครื่องรูดบัตร พร้อมหั่นค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตเหลือ 0.3% จากค่าธรรมเนียมในโครงการติดตั้งอีดีซีกำหนดให้คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 0.55%
ขณะที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกโปรโมชั่นเครื่องรูดบัตรสำหรับนิติบุคคล “ถูกจริง โปรแรง” ลดค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิตเหลือเพียง 1.5% ส่วนค่าธรรมเนียมรูดบัตรเดบิตยังใช้ค่าธรรมเนียมตามที่โครงการกำหนดคือ 0.55% พร้อมกับฟรีค่าติดตั้งเครื่อง ค่ามัดจำเครื่อง ค่าเช่า ค่าสลิป สมุดเช็ค 3 เล่ม โดยไม่มีค่ารูดขั้นต่ำ รวมมูลค่าสูงสุด 15,250 บาท โดยโปรโมชั่นถึงวันที่ 31 ธ.ค. นี้
ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นธนชาต นอกจากจะฟรีค่าติดตั้งแล้ว ยังหั่นค่าธรรมเนียมรูดบัตรเดบิตเหลือ 0% !! แต่มีเงื่อนไขพ่วงท้ายว่าจะต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์นิติบุคคลกับธนาคารด้วย และลดค่าธรรมเนียมรูดบัตรเครดิตทุกประเภทเพิ่ม 0.20% จากเดิมคิดค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1.7-2.3% ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร
“ปริญญา จินันทุยา” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจการชำระเงินและร้านค้ารับบัตร ธนาคารธนชาต บอกว่า เป็นค่าธรรมเนียมที่ต่ำสุดในตลาด ซึ่งธนาคารต้องการที่จะช่วยสาขาในการดึงลูกค้ามาติดตั้งเครื่องรูดบัตร และดึงลูกค้ามาผูกบัญชีพร้อมเพย์นิติบุคคลด้วย เพราะที่ผ่านมาการติดตั้งเครื่องอีดีซีของแบงก์ต่างๆ ก็แข่งขันกันด้วยราคามาโดยตลอด ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกใคร ก็มาจากราคาเป็นหลัก
แต่สำหรับบางธนาคารที่ไม่ได้เน้นร้านค้ารายย่อย ถึงจะไม่ทำโปรโมชั่นลดค่าธรรมเนียมเป็นการทั่วไป แต่ก็ลดราคาให้กับลูกค้าอยู่แล้ว เพราะร้านค้ารายใหญ่มีวอลุ่มเยอะ อำนาจการต่อรองก็สูง ซึ่งได้รับค่าธรรมเนียมที่พิเศษกว่าอยู่แล้ว ซึ่งค่าธรรมเนียมแต่ละเจ้าก็จะไม่เหมือนกัน
“ธนชาตก็เป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตร TAPS ซึ่งเรามีความร่วมมือกันในการสั่งซื้อเครื่องรูดบัตร และแบ่งสัดส่วนออกไปติดต่อร้านค้า ตามขนาดของธนาคาร ซึ่งธนชาตรับเป้าหมายมา 7 หมื่นร้านค้า จากรายชื่อทั้งหมด 5.5 แสนร้านค้า มั่นใจว่าติดได้ตามเป้าหมาย ส่วนเรื่องการทำการตลาด ไม่ได้มีข้อตกลงกัน แต่ละธนาคารสามารถทำการตลาด ทำโปรโมชั่นของตัวเองได้ ไม่ต้องทำเหมือนกัน”
เขายังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ก็มีแบงก์อื่นลดค่าธรรมเนียมไปแล้ว ทั้งนี้การปรับลดค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่ จะปรับลดบัตรเดบิต ซึ่งเป็นส่วนที่ภาครัฐต้องการโปรโมต และกำหนดให้คิดค่าธรรมเนียมได้ไม่เกิน 0.55% ส่วนบัตรเครดิตไม่ได้กำหนด
แม้ในกลุ่ม TAPS จะแข่งขันกันลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงลูกค้า แต่สำหรับอีกกลุ่มแล้ว กลับมองว่าเรื่องปัจจัยเรื่องราคา (ค่าธรรมเนียม) ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ร้านค้าหันมาใช้บริการ เพราะค่าธรรมเนียมในโครงการนี้ได้ปรับลดลงมาในระดับต่ำอยู่แล้ว
โดย “พัชร สมะลาภา” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า “เราจะพยายามไม่ลงไปแข่งขันลดค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องรูดบัตร เพราะการติดตั้งในโครงการนี้ก็ได้มีการปรับลดค่าธรรมเนียมลงมาแล้วเหลือเพียง 0.55% ที่สำคัญเรามองว่าการลดค่าธรรมเนียมลงมาอีกไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้ทำให้ร้านค้าต่างๆ ตัดสินใจหันมาติดตั้งเครื่องอีดีซี อย่างไรก็ตามหากการแข่งขันลดราคามี impact ก็คงจะต้องลดบ้าง แต่ไม่ได้ให้กับทุกราย”
เขายังบอกอีกว่าขนาดลดค่าธรรมเนียมลงไปขนาดนี้ การติดตั้งจริงยังทำได้น้อย หรือมีการติดตั้งได้เพียง 10% ของจำนวนร้านค้าที่ไปติดต่อเท่านั้น เนื่องจากร้านค้าโดยส่วนใหญ่มีเครื่องรูดบัตรอยู่แล้ว หรือบางแห่งก็เลิกกิจการไป และบางส่วนก็ปฏิเสธตรงๆ ว่าไม่ต้องการติดตั้ง แน่นอนว่าธนาคารไม่สามารถไปบังคับติดตั้งได้
งานนี้ต้องติดตามดูต่อไปเมื่อจบโครงการนี้ในเดือนมี.ค.2561 จะมีการติดตั้งเครื่องอีดีซีได้จริงกี่เครื่อง และจะช่วยส่งเสริมการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์แทนเงินสดได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลคาดหวังไว้หรือไม่