เริ่มใช้'บัตรสมาร์ทการ์ด'รักษาพยาบาลข้าราชการ ต.ค.นี้
"กรมบัญชีกลาง" คาดเริ่มใช้บัตรสมาร์ทการ์ดรักษาพยาบาลข้าราชการตุลาคมนี้ ชี้ช่วยการชำระเงินคล่องตัว ตรวจสอบการเบิกจ่ายตรงง่ายขึ้น
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่ประธานเครือข่ายปฏิรูประบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ (คสร.) ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมบัญชีกลางทักท้วงโครงการจัดทำบัตรสมาร์ทการ์ดรักษาพยาบาลข้าราชการว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงประเด็น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองงบประมาณนั้นขอชี้แจงว่าโครงการบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการเป็นการต่อยอดโครงการเบิกจ่ายตรงสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ นำหลักการทำงานของบัตรเครดิตมาประยุกต์ใช้ ซึ่งบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ใช้ตรวจสอบและพิสูจน์ตัวบุคคล ทดแทนการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล ณ สถานพยาบาล โดยผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวสามารถใช้บัตรดังกล่าว เพื่อประกอบการใช้สิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาการประมวลผลข้อมูลตามระบบเดิม
นอกจากนี้ บัตรนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเรียกเก็บจากกรมบัญชีกลางในระบบเบิกจ่ายตรงด้วย ซึ่งการนำบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการมาใช้ นอกจากจะช่วยให้กรมบัญชีกลางสามารถรับรู้ข้อมูลและค่าใช้จ่ายการเข้ารับบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยได้ทันทีภายในวันเดียวกันแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบการเบิกค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงอีกด้วย
สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดกรมบัญชีกลางจึงไม่นำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาใช้เพื่อพิสูจน์ตัวตนเช่นเดียวกับที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวกรมบัญชีกลางขอชี้แจงว่า สปสช.นำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด มาใช้เพียงเพื่อพิสูจน์ตัวตนก่อนเข้ารับการรักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเรียกเก็บจากกรมบัญชีกลางในระบบเบิกจ่ายตรงเช่นเดียวกับบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
นอกจากนี้ บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดตามกฎหมาย ว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชนเป็นบัตรที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำดังกล่าวจะต้องไม่เปิดเผยต่อบุคคลหรือหน่วยงานซึ่งมิใช่ผู้จัดทำหรือรวบรวมข้อมูลนั้นได้ ดังนั้น ในชั้นนี้จึงยังไม่สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาใช้ในโครงการดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดเป็นเครื่องมือประกอบการตรวจสอบการทำธุรกรรมการชำระเงินค่ารักษาพยาบาลในระบบจ่ายตรงของกรมบัญชีกลางได้แล้ว กรมบัญชีกลางก็จะนำบัตรประชาชนดังกล่าวมาใช้ทดแทนการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมบัญชีกลางกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ โดยเบื้องต้นจะคัดเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพและมีความพร้อม เพื่อเป็นต้นแบบการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการช่วงเดือนตุลาคม 2560 ส่วนค่าใช้จ่ายการออกบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและค่าใช้จ่ายในบริหารจัดการอยู่ในระหว่างการพิจารณา ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นเงินเท่าไร