ดีเดย์!! เมาเกิน50มก.ประกันไม่ต้องจ่าย
ดีเดย์!! ผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัม หากเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากการทำประกันภัยภาคสมัครใจ
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้ เป็นต้นไป คำสั่งนายทะเบียนเกี่ยวกับแบบข้อความกรมธรรม์ประกันภัย และเอกสารแนบท้ายของกรมธรรม์ประกันภัยฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งส่งผลให้บุคคลที่ขับขี่รถยนต์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากทำประกันและเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากการทำประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายเดิมที่กำหนดต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ถึงจะไม่ได้รับความคุ้มครอง
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประสบภัยหรือบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากรถคันดังกล่าว ยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่ โดยบริษัทที่รับทำประกันภัยของรถคันที่เป็นฝ่ายผิดจะยังชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เพราะหลังจากนั้นบริษัทประกันภัยจะไปไล่เบี้ยเรียกคืนค่าสินไหมทดแทนกับผู้ขับขี่ที่เมาต่อแทน ส่วนประกันภัยภาคบังคับยังคงให้ความคุ้มครองในกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิตเช่นเดิม
"การปรับแก้ข้อยกเว้นในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เรื่องลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดให้ต่ำกว่าเดิมนั้น ได้มีการศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว โดยหลายฝ่ายเห็นว่า ข้อยกเว้นในกรมธรรม์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์นั้น ไม่สอดคล้องกับกฎกระทรวงฉบับที่ 16 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก ซึ่งบัญญัติว่าต้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดตรวจวัดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ให้ถือว่าเมาสุรา"
นายสุทธิพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้เอาประกันภัยรถยนต์ที่ดื่มสุรา เมื่อขับขี่รถยนต์แล้วเกิดอุบัติเหตุบริษัทประกันภัยก็ยังจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ ดังนั้นหากไม่มีการแก้ไขกฎหมายจะทำให้เสมือนเป็นการจูงใจให้คนที่ดื่มสุรานิ่งนอนใจว่าถึงแม้เมาแล้วขับรถยนต์ชนเกิดความสูญเสีย ก็ยังมีประกันภัยจ่ายแทน แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขกติกาในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม จนกระทั่งถึงรัฐบาลชุดปัจจุบัน