‘คิง เพาเวอร์'ลั่น ลุยชิงดิวตี้ฟรี “สุวรรณภูมิ”
คิง เพาเวอร์ มั่นใจเศรษฐกิจ-กำลังซื้อครึ่งปีหลังกระเตื้อง ลุ้นนักท่องเที่ยวจีนฟื้นเต็มสูบ หนุนธุรกิจกลับมาคึกคัก เร่งพลิกโฉมใหม่ “ดิวตี้ฟรี รางน้ำ” ดีเดย์ 1 ต.ค. ด้านประมูลรอบใหม่ดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิ ลั่น “พร้อมสู้”
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าปลอดภาษีอากร “คิง เพาเวอร์” และผู้ได้รับสัมปทานร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมทั้งแนวโน้มนักท่องเที่ยวเยือนไทยปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา จะทำให้ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้กลับมาคึกคัก
โดยเฉพาะฐานลูกค้าหลัก นักท่องเที่ยวจีน และอาเซียน มีการเติบโต ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย ลาว กัมพูชา และเมียนมา ซึ่งนักท่องเที่ยวเมียนมา มีพฤติกรรมในการใช้จ่ายกลุ่มสินค้าลักชัวรีและเครื่องสำอางมากขึ้น เป็นผลดีต่อธุรกิจดิวตี้ ฟรี
“ทุกอย่างนิ่งๆ เศรษฐกิจไปได้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรน่าห่วง แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่กลับมา 100% แต่มีทิศทางที่ดีขึ้น ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญในการมาเยือนของนักท่องเที่ยวทั่วโลก”
ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ มีสัดส่วนลูกค้าจีน 40-50% ไทย 15% ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวยุโรปและเออีซี ในสัดส่วนเท่าๆ กัน
อวดโฉมใหม่‘รางน้ำ’ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม การปรับโฉม คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ ฟรี รางน้ำ แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการวันที่ 1 ต.ค. นี้ จะสร้างสีสันและปรากฏการณ์ใหม่ให้ธุรกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งรองรับลูกค้าชาวไทยมาใช้บริการ
คิงเพาเวอร์ ใช้งบกว่า 2,500 ล้านบาทในการปรับโฉมพร้อมจัดวางโซนนิ่งใหม่ ประกอบด้วย ชั้น 1 จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม และเลาจน์รองรับนักท่องเที่ยว FIT ชั้น 2 จำหน่ายนาฬิกา แฟชั่น เครื่องสำอาง ชั้น 3 ร้านอาหารและสินค้าไทย ที่จะมีการนำเสนอในรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าได้สัมผัสและมีประสบการณ์กับสินค้า เช่น การทำขนมทองม้วน
“เป็นการทำตลาดให้ครบวงจร รองรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่”
ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์ ยังจะมี “พรีเซ็นเตอร์ใหม่” ทำหน้าที่สื่อสารและเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมเปิดตัวในเร็วๆ นี้
เตรียมพร้อมประมูลรอบใหม่
นายอัยยวัฒน์ กล่าวต่อถึงการเปิดประมูลรอบใหม่กิจการร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ ฟรี) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะหมดสัญญาในปี 2563 ว่า คิงเพาเวอร์ เตรียมพร้อมเข้าร่วมการประมูล
“รอความชัดเจนในการเปิดประมูล รวมทั้งทีโออาร์ ไม่รู้ว่าจะประมูลแบบไหน เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด คู่ต่อสู้ก็มาเหมือนเดิมเป็นปกติ ไม่แปลกใหม่ ประมูลก็คือประมูล เราก็สู้เต็มที่”
กรณีหากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชนะประมูล ก็พร้อม “สานต่อ” ธุรกิจ แต่หากไม่ได้ก็ต้องพิจารณาว่าผลเป็นอย่างไร
ทอท.เล็งเปิดประมูลต้นปีหน้า
ก่อนหน้านี้ นายวิชัย บุญยู้ รักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาดบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) ระบุว่า ทอท.อยู่ระหว่างศึกษาการเปิดประมูลกิจการร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ ฟรี) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อทดแทนกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ที่จะหมดสัญญาในปี 2563
การเปิดประมูลรอบใหม่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.สัญญาดิวตี้ ฟรี ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งจะมีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 1 หมื่น ตร.ม. ในปัจจุบันเพราะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมเปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite) และอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น โดยอยู่ระหว่างศึกษามูลค่าโครงการและการแบ่งสัญญาที่เหมาะสม
2.สัญญาพื้นที่ให้บริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick Up Counter) ระยะเวลา 5 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาการแบ่งสัญญาใน 3 รูปแบบ คือ 1.เปิดประมูลแบบสัญญาเดียวแบบแต่ผู้ชนะการประมูลต้องเปิดให้เอกชนหลายรายใช้ร่วมกัน (Common Use) 2.เปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรในเมืองทุกรายเช่าพื้นที่ พร้อมจัดพื้นที่ 1 จุดเป็นแบบ Common Use และ 3.เปิดให้เอกชนเจรจาเช่าพื้นที่เป็นรายๆ
การศึกษาจะแล้วเสร็จปลายปีนี้และเปิดประมูลช่วงไตรมาสแรกปีหน้า เบื้องต้นต้องเสนอโครงการดิวตี้ ฟรี เข้าสู่ขั้นตอนประมูลแบบรัฐเอกชนร่วมลงทุน (PPP) เพราะมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ไม่น่าจะเกิน 5,000 ล้านบาท ส่วนสัญญา Pick Up Counter ต้องพิจารณารูปแบบและการแบ่งสัญญาอีกครั้งว่าจะต้องเข้ากระบวนการ PPP หรือไม่