'หุ้นสิงห์' ส่อเค้าอืด

'หุ้นสิงห์' ส่อเค้าอืด

หุ้นสิงห์ส่อเค้าอืด "ฟรีโฟลท" อาจต่ำเกณฑ์

การที่บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ รายงานผลการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ลงทุนในวงจำกัด (PP) 3 ราย จำนวน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ราคาหุ้นละ 4.16 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 1,664 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ได้รับจัดสรร ประกอบด้วย Credit Suisse (Singapore) Limited ได้รับจัดสรรจำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 624 ล้านบาท บลจ.บัวหลวง เป็นการจัดสรรให้แก่ กองทุนภายใต้การจัดการ 110 กองทุน ได้รับจัดสรรจำนวน 220 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 915.20 ล้านบาท บลจ.วรรณ เป็นการจัดสรรให้แก่กองทุนภายใต้การจัดการ 123 กองทุน ได้รับจัดสรรจำนวน 30 ล้านหุ้น คิดเป็นเงิน 124.80 ล้านบาท

หากพิจารณาข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ จะเห็นว่า ปัจจุบันหุ้นสิงห์ เอสเตท มีจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาด(ฟรีโฟลท) เพียง 23.63% และหากหุ้นเพิ่มทุนรอบนี้เข้ามาซื้อขายก็น่าจะมีผลกระทบสภาพคล่องหุ้น เนื่องจากเป็นการเน้นจัดสรรให้กับกองทุน ซึ่งนิยมถือลงทุนระยะยาวมากกว่าเก็งกำไร ดังนั้น จำนวนหุ้นจะมีการซื้อขายเปลี่ยนมืออาจลดลง  หรือเข้าใกล้เกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด โดยหุ้นที่ซื้อขายจะต้องมีฟรีโฟลทไม่ต่ำกว่า 15% นอกจากว่ากองทุนที่เข้ามาลงทุนในครั้งนี้ อาจเปลี่ยนพฤติกรรมการลงทุนคือลงทุนระยะสั้นแทน เพราะถ้าดูจากราคาหุ้นพีพีรอบนี้ก็มีส่วนต่างจากราคาในกระดานหลักไม่น้อยเลย อาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา

ราคาหุ้นเพิ่มทุนแบบพีพีอยู่ที่ 4.16 บาท ขณะที่ราคากระดานหลักช่วงเดือนก..2560 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 4.66 บาท ต่ำสุดอยู่ที่ 4.18 บาท และราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.31 บาท ล่าสุด วานนี้(18ก.ค.)ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ราคา** บาท และมาปิดตลาดที่ราคา** บาท เพิ่มขึ้น ** %มูลค่าการซื้อขายรวม** ล้านบาท 

ทั้งนี้จะเห็นว่า ราคาหุ้นในระดับต่ำสุดของเดือนก.ค.2560 ราคายังอยู่สูงกว่าราคาเพิ่มทุน ดังนั้นผู้ที่ได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนก็จะได้รับส่วนต่างกำไรไปอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหุ้นในส่วนที่เพิ่มทุนจะได้เข้ามาเทรดตอนไหน คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม บริษัทสิงห์เอสเตท ระบุว่า บริษัทจะนําเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุน ทั้งจํานวนไปใช้ในการลงทุนของ S Hotels and Resorts (SC) Co. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อเข้าลงทุนในโครงการพัฒนา Tourist facilities บน Emboodhoo Lagoon ในสาธารณรัฐมัลดีฟส นอกจากนี้บริษัทยังจะต้องนำเงินไปใช้สําหรับชําระคืนเงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และสร้างความแข็งแกร่งทางโครงสร้างเงินทุนของบริษัท

หากพิจารณาภาพรวมผลประกอบการของบริษัทสิงห์งวดไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.27 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 33.49 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินรวมอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.84%

หุ้นสิงห์มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)อยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านบาท พีอีเรโชอยู่ที่ 267.81เท่า และมูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ 2.17 บาท