'ริชาร์ด หลิว'พร้อมชน'แจ็ค หม่า' ประกาศยึดไทยเป็นฐานอาเซียน
"ริชาร์ด หลิว" ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ JD.com ประกาศบุกไทยพร้อมสู้ "อาลีบาบา" ของแจ็ค หม่า คู่แข่งคนสำคัญเพื่อสร้างไทยเป็น "ฮับ" ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของอาเซียน
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ณ ศูนย์บัญชาการที่ปักกิ่ง ริชาร์ด หลิว (หลิวเฉียงตง) ยืนยันว่า “ผมจะเอาของดีที่ดี ราคาดีที่สุด บริการดีที่สุด” มาสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าขายออนไลน์สำหรับอาเซียนด้านตะวันออก ขณะที่อินโดนีเซียจะเป็นศูนย์สำหรับอาเซียนด้านตะวันตก
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนมหาศาลในการสร้างเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกเพื่อการทำธุรกิจอีคอมเมอร์สอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นระบบคลังสินค้าไร้คน, โดรน, ทีมส่งถึงลูกค้าวันเดียวกันหรือไม่เกินวันรุ่งขึ้น...รวมถึงการใช้ Big Data เพื่อส่งเสริมการขายและบริการรวมไปถึง Cloud Computing…ทั้งหมดนี้เราจะนำเอามาให้ประเทศไทยได้ใช้อย่างทันท่วงที” ริชาร์ด หลิว กล่าว
ริชาร์ด หลิว ในวัย 43 เป็นอภิมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของจีน หุ้นของ JD.com เข้าซื้อขายในตลาดหุ้น NASDAQ ในเดือน พ.ค.2557 และเป็นบริษัทอินเตอร์เน็ตจีนแห่งแรกที่ได้ขึ้น Fortune Global 500
นายหลิว ยืนยันว่าการจับมือกับเครือเซ็นทรัลที่จะมีการลงทุนร่วมกันถึงประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ (กว่า 15,000 ล้านบาท) ในสองโครงการใหญ่ คือ การขายออนไลน์ และฟินเทคจะเป็นการปักธงของ JD.com ในการสร้างให้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญสำหรับตลาดอาเซียน
เมื่อถามถึงความกลัวของนักธุรกิจไทยระดับกลางและเล็กทางด้านอีคอมเมอร์สและอื่น ๆ ว่าเมื่อยักษ์ใหญ่อย่างเจดีดอทคอมและอาลีบาบามาซึ่งมีเงินทุนมหาศาลเข้ามายึดตลาดไทย อาจจะทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันไม่ได้จนถึงขั้นต้องล่มสลายหรือไม่ นายหลิวตอบว่า
“ไม่ครับ ความตั้งใจของผมคือจะใช้เทคโนโยลีและประสบการณ์ของเจดีดอทคอมไปช่วยผู้ประกอบการในไทยมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น เราจะไม่เข้าไปแย่งตลาด แต่เราจะสร้างความร่วมมือเพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกันครับ...ผมจะเชิญผู้ประกอบการของไทยในธุรกิจด้านต่าง ๆ มานั่งพูดคุยกันอย่างเปิดอกเพื่อสร้างความเข้าใจและหาทางร่วมมือกันอย่างจริงจังครับ”
JD.com ก่อตั้งในปี 2547 ท่ามกลางโรคระบาดซาร์สที่ทำให้ธุรกิจขายปลีกได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนทำให้หลิวตัดสินใจขายสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก
วันนี้เครือข่าย JD.com มีพนักงานทั่วโลก 150,000 คน เป็นธุรกิจขายปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มีผู้ใช้บริการประจำออนไลน์ไม่น้อยกว่า 258 ล้านคน
ถามว่า เจดีดอทคอม มีข้อได้เปรียบอะไรที่คู่แข่งไม่มีหากเข้ามาแข่งขันในประเทศไทยและอาเซียน นายหลิวบอกว่า “เราได้สามารถสร้าง user experience สำหรับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพสินค้า, ราคา, และบริการที่เหนือกว่าคู่แข่ง และผมเชื่อว่าเราสามารถจะต่อยอดประสบการณ์เหล่านี้ในประเทศไทยได้อย่างไม่ต้องสงสัย”
JD.com ได้จับมือกับผู้ประกอบการกว่า 130,000 รายเพื่อช่วยให้สามารถเจาะเข้าตลาดจีนผ่านระบบอีคอมเมอร์สที่พัฒนาจากเทคโนโลยีล่าสุด
อีกทั้งยังจับมือกับ Tencent และ Walmart ในการเสริมสร้างศักยภาพของยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียและขายปลีกระดับโลกเพื่อขยายฐานลูกค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง
ถามว่าเจดีดอทคอมมาทีหลังในตลาดไทย จะสามารถแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ที่ปักหลักก่อนหน้านี้หรือไม่ นายหลิวตอบ
“เราจะใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อที่จะสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าครับ ผมเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ได้ว่าสินค้า, บริการและราคาของเราดีที่สุดในวงการนี้ครับ”
นายหลิว มีแผนจะมาเยือนไทยต้นเดือน พ.ย. เพื่อร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ธุรกิจสำหรับไทยและอาเซียนทั้งระยะกลางและระยะยาว