เจาะขุมทรัพย์ใหม่ สเต็ปโต“ริช สปอร์ต”
เปิดแผนธุรกิจปี 2562 'ริช สปอร์ต' สร้างการเติบโตครั้งใหม่ 'รุกออนไลน์ & เพิ่มแบรนด์' หลังแหล่งทำเงินในประเทศเริ่มส่งสัญญาณผงกหัว 'พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ' นายหญิง ส่งซิกกลางปีนี้มีเซอร์ไพรส์ชัสร์ !!
กำลังซื้อในประเทศกำลังส่งสัญญาณ 'ฟื้นตัว' ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บ่งชี้ผ่าน 'ยอดขายสินค้า' ที่มีตัวเลขกระเตื้องขึ้นมาจากช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 สอดคล้องกับไตรมาส 4 เป็นช่วง 'ไฮซีซั่น' ของธุรกิจค้าปลีก ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากลดลงไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา !!
'พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ริช สปอร์ต หรือ RSP ผู้ได้รับสิทธิในการจัดจำหน่าย โฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าภายใต้แบรนด์ “Converse และ Pony” แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยและกัมพูชา เล่าแผนธุรกิจในปี 2562 ให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า 'ปีนี้บริษัทจะไม่มุ่งเน้นการขยายสาขา แต่จะโฟกัสในช่องทางขายใหม่'
โดยปัจจุบัน 'ริช สปอร์ต' มีช่องทางการจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1.ขายผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 41% หลักๆ จะเป็นการขยายไปพร้อมกับห้างสรรพสินค้า เช่น เดอะมอลล์ , เซ็นทรัล ,โรบินสัน เป็นต้น 2.ขายผ่านลูกค้าขายส่ง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 35% และ 3.ขายผ่านร้านค้าปลีกของบริษัท (Mono Brand Store) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 19%
ทว่าเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้า 'Converse และ Pony' เข้าไปในตลาด 'ออนไลน์' ผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของ 'ลาซาด้า' (Lazada) และ 'ช้อปปี้' (Shopee) ซึ่งผ่านมาเพียง 5 เดือน ถือว่ากระแสตอบรับจากลูกค้าดีมาก สะท้อนจากตัวเลขยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน
โดยในปีนี้บริษัทจะเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมองเห็นโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งบริษัทจะใช้ 'กลยุทธ์' ด้วยการเข้าร่วมโครงการแคมเปญต่างๆ ของทาง ลาซาด้า และ ช้อปปี้ เช่น ในช่วงโปรโมชั่น หรือช่วงวันพิเศษต่างๆ ของทางเว็บไซต์ บริษัทจะพยายามที่จะเข้าร่วมโครงการด้วย เนื่องจากว่าเป็นวันที่มี 'จำนวนคนเข้าเว็บไซต์' (Traffic) จำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมเข้าร่วมช่วงโปรโมชั่นเหล่านั้น เพราะว่าจะทำให้แบรนด์ Converse และ Pony ไปอยู่ในหน้าที่มีจำนวนผู้เข้าชมเข้ามามองเห็นสินค้าและรู้จักสินค้าของบริษัทมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสและช่องทางเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ สินค้า Converse และ Pony ที่จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัทจะเพิ่มความ 'แตกต่าง' ด้วยการเพิ่มสินค้าพิเศษที่มีขายเฉพาะในออนไลน์ในบางรุ่นเท่านั้น !!
โดยมองว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต้องการสินค้าที่มีความพิเศษและต่างจากที่มีขายหน้าร้านทั่วไป ฉะนั้น บริษัทก็จะพยายามใส่สินค้าที่มีความเป็น 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เข้าไปให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่างมากขึ้น เช่น สีพิเศษ หรือ เป็นรุ่นพิเศษ เป็นต้น
'ปัจจุบันเราเริ่มทำบางแล้ว อย่างเช่น เอ็กซ์คลูซีฟโมเดลที่เป็นรองเท้า Converse สีพิเศษและมีจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น'
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของตัวเอง คาดว่าจะเปิดเว็บไซต์ได้ประมาณปี 2563 ซึ่งปัจจุบันบริษัทต้องการศึกษาตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ ลาซาด้า และ Shopee ก่อน เพราะว่าทั้งสองแพลตฟอร์มคือ อีคอมเมิร์ซหลักของเมืองไทย ที่มีคนเข้าเว็บไซต์จำนวนมากในปัจจุบัน
'บริษัทตั้งเป้ายอดขายช่องทางออนไลน์ปี 2562 เติบโต 1-3% และภายใน 3 ปี (2562-2564) ยอดขายออนไลน์น่าอยู่ที่ 10% จากปัจจุบันยอดขายเติบโตต่อเนื่อง เพียงแต่ยังเป็นยอดขายที่ไม่ใหญ่มาก แต่เราเห็นโอกาสเติบโตอีกมหาศาล ดังนั้น เราจะพยายามไปอยู่ในจุดที่คนเห็นแบรนด์ของเราด้วยการร่วมโครงการแคมเปญต่างๆ ของทางเว็บไซต์'
'หญิงเก่ง' เล่าต่อว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการหาแบรนด์สินค้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมอีกด้วย คาดว่ากลางปี 2562 จะได้เห็นแบรนด์ใหม่ 1แบรนด์ เป็นแบรนด์ของต่างชาติ ซึ่งบริษัทได้รับสิทธ์ในการจัดจำหน่ายสินค้าของแบรนด์ดังกล่าวในเมืองไทย
'เรามีเป้าหมายใน 5 ปี อยากเห็นแบรนด์ในมือ 5 แบรนด์ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของแต่ละแบรนด์ เพราะว่าสินค้าแฟชั่นมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว'
ขณะที่ ผลประกอบการปี 2561 แนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2560 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซา ส่งผลให้กำลังซื้อทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟิ้นตัวขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา สะท้อนจากตัวเลขยอดขาย ประกอบกับช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจค้าปลีก และปลายไตรมาสเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น โดยปีที่แล้วกำลังซื้อในต่างจังหวัดเงียบมาก
'ดังนั้น ในปีนี้หากสัญญาณทุกอย่างเริ่มดีขึ้นเหมือนในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา เชื่อว่าไตรมาส 1 ปี 2562 ผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพราะว่ายังมีปัจจัยกระทบทั้งภายในและนอกประเทศพอสมควร'
สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน และขยายสาขาแบรนด์ Converse ประมาณ 5-10 สาขา และ แบรนด์ PONY ประมาณ 10 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 201 สาขา แบ่งเป็นแบรนด์ Converse ที่อยู่ใน mono brand 40 สาขา และ shop in shop 118 สาขา ส่วนแบรนด์ Pony มีจำนวน 36 สาขา
ขณะที่ การลงทุนขยายสาขาในห้างใช้เงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 4-5 แสนบาท ขณะที่การเปิดช้อปเองใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 3-4 ล้านบาทต่อสาขา โดยล่าสุดได้เปิดสาขาที่ศูนย์การค้า 'ไอคอน สยาม' เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสในการขยายตลาดให้กว้างขึ้นจึงเปิดสาขาแห่งใหม่ของแบรนด์ Converse และ Pony
ด้านผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย 258.8 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.5 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นรวม 131.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 50.8% เพิ่มขึ้นจาก 48.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้อื่นรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 473.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากดอกเบี้ยรับจากสถาบันการเงินและกำไรจากเงินลงทุนชั่วคราวเพิ่มขึ้น ส่วนงวด 9 เดือนของปี 61 โดยมีรายได้จากการขาย 805.9 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 113.6 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นรวม 413.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 51.3%
ท้ายสุด 'พาพิชญ์' ฝากไว้ว่า บริษัทจะมีการลงทุนในแบรนด์สินค้าต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการในปัจจุบันมากขึ้น ทั้งแผนจะเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ และขยายช่องทางออนไลน์เพิ่ม เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ
ปีนี้รายได้ต่างประเทศ 1-2%
'พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ริช สปอร์ต หรือ RSP บอกว่า สำหรับการลงทุนใน 'ต่างประเทศ' ปัจจุบันบริษัทได้รับสิทธิจาก Converse และ Pony ในการทำการตลาด ขาย จัดจำหน่าย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์แต่เพียงผู้เดียวใน 'ประเทศกัมพูชา' โดยบริษัทเปิดบริการสาขาแรกไปเมื่อต้นปี 2561 ซึ่งยอดขายเติบโตต่อเนื่องปัจจุบันในกัมพูชาจำนวน 4 สาขา และคาดว่าปีนี้จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 1-2 สาขา ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 1-2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีสัดส่วนรายได้ยังไม่ถึง 1%
'ตลาดกัมพูชาเรามองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้ว่าประชากรไม่มาก แต่ในแง่ของกำลังซื้อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากตอนนี้กัมพูชามีการพัฒนาประเทศเร็ว ประชากรมีการศึกษามากขึ้น ประกอบกับประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในช่วงวัยทำงาน ฉะนั้น กำลังซื้อจึงสูง'
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจเข้าไปลงทุนใน 'ประเทศเมียนมา' เป็นประเทศต่อไป คาดว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากตอนนี้บริษัทต้องการโฟกัสการขยายสาขาในกัมพูชาก่อน เพราะว่าเป้าหมายต้องการขยายสาขาให้คอบคุม รวมทั้งการนำแบรนด์ใหม่ๆ เข้าไปทำการตลาดในกัมพูชาอีกด้วย
'เรามองว่าอุตสาหกรรมรีเทลในกัมพูชาค่อนข้างพร้อม ประกอบกับประชากรอยู่ในวัยทำงาน และประเทศอยู่ในช่วงของการพัฒนา สอดคล้องกับตัวเลขจีดีพีของกัมพูชาที่เติบโตในระดับสูง'
สำหรับกัมพูชาถือเป็นอีกช่องทางที่บริษัทจะขยายฐานลูกค้าของแบรนด์ Converse ซึ่งมองว่าตลาดเพื่อนบ้านยังมีความต้องการอีกมาก ซึ่งตลาดกัมพูชาถือว่ายังใหม่มากและอยู่ในช่วงเริ่มต้น และบริษัทก็เห็นชาวกัมพูชาก็เดินทางมาซื้อรองเท้า Converse จากประเทศไทยจำนวนมาก และหิ้ว Converse จากเมืองไทยไปขายที่ประเทศกัมพูชาด้วย เชื่อว่าอนาคตจะสร้างอัตราการเติบโตได้อีกช่องทาง อีกทั้งประชาชนในกัมพูชาเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น