กนป.เร่งมาตรการข่วยเพิ่มการใช้-ส่งออกน้ำมันปาล์ม

นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาว่าที่ประชุมฯได้รับทราบสถานการณ์ผลผลิตและแนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันในปีนี้ว่าจะมีปริมาณผลผลิตมากกว่าในปี 2561 โดยผลผลิตปาล์มสดอยู่ที่ประมาณ 16.734 ล้านตัน มากกว่าปี 2561 ที่มีผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านตัน หรือคิดเป็นผลผลิตที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8% โดยหากคิดในส่วนของน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 2.1 แสนตันขณะที่สต็อก CPO ในขณะนี้มีอยู่ถึงประมาณ 4 แสนตันสูงกว่าระดับสต็อกปาล์มน้ำมันปกติที่มีอยู่ประมาณ 2.5 แสนตัน

ทั้งนี้เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของเกษตรกรจากราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ตกต่ำ กนป.จึงมีมาตรการที่จะสนับสนุนให้มีการใช้ปาล์มน้ำมันเพื่อเป็นพลังงานมากขึ้น แบ่งเป็น 2 มาตรการได้แก่ให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ดูดซับปริมาณ CPO ไปผลิตเป็นไบโอดีเซลเพื่อส่งออกซึ่งคาดว่าจะสามารถดูดซับปริมาณ CPO ได้ประมาณ 1 แสนตัน ซึ่งนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่ามาตรการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ (บอร์ด)บริษัท ปตท.ให้ดำเนินการแล้วเหลือเพียงการศึกษาในรายละเอียดว่าจะผลิตไบโอดีเซลโดยผสม CPO ในสัดส่วนเท่าใดและจะส่งออกไปในตลาดใดซึ่งคาดว่าจะได้รายละเอียดเร็วๆนี้ และจะไปหารือกับทางกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาช่องทางการสนับสุนการส่งออกต่อไป

ส่วนอีกมาตรการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานรายงานให้ที่ประชุมฯทราบว่าเพื่อสนับสนุนให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้ปาล์มน้ำมันเพื่อผลิตไฟฟ้าในส่วนของโรงไฟฟ้าบางปะกง โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะออกสู่ตลาดมากในช่วง เดือน มี.ค. - พ.ค.นี้ กระทรวงพลังงานได้ประสานไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้เพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าบางปะกง จากเดิมเดือนละ 1,000 ตัน เพิ่มเป็นเดือนละ 1,500 ตัน

“มาตรการทั้งหมดที่ กนป.เห็นชอบในวันนี้จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโดยเร็วที่สุดอาจจะเป็นในสัปดาห์หน้า เพื่อให้มีมาตรการที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มราคาปาล์มน้ำมันจาก 2.40 บาทต่อกิโลกรัมในปัจจุบันเป็น 3 บาทต่อกิโลกรัม” นางสาวจริยากล่าว