ตลาดจีน 'พระเอก' คนใหม่ 'เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์'

ตลาดจีน 'พระเอก' คนใหม่ 'เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์'

ขยายตลาดผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ป่วย 'เอดส์และมะเร็ง' ทั้งในและต่างประเทศ 'พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา' หุ้นใหญ่ 'เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์' เอาใจแฟนคลับ ส่งซิกกำลังอยู่ระหว่างจับมือพันธมิตรบุกเมืองจีน คาดความชัดเจน พ.ค.นี้ หากปิดดีลสำเร็จยอดขายโตก้าวกระโดด

แม้ 'กำไรสุทธิ' ปี 2561 ทำได้ดีสุดเพียง 94.75 ล้านบาท ลดลง 12.44% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 108.21 ล้านบาท และมีรายได้ 376.45 ล้านบาท ลดลง 11.23% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 424.09 ล้านบาท แต่กลับพบว่ามี 'นักลงทุนรายใหญ่ต่างชาติ' ติดต่อเข้ามาขอซื้อ หุ้น เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ หรือ APCO ของ 'ตระกูลวิริยะจิตรา'

ทว่าแม้การติดต่อของซื้อหุ้น APCO ในครั้งนี้ 'กลุ่มหุ้นใหญ่' ยังไม่ได้ตัดสินใจจะขายหุ้นหรือไม่ขายหุ้น แต่นักลงทุนจะต้องรู้ดีว่า งบการเงินไตรมาสปี 2561 ออกมาไม่สวยเท่าไหร่...แต่คงรู้แผนขยายอาณาจักรทั้งในและนอกบ้านของบริษัท ทำให้นักลงทุนรายใหญ่มีความเชื่อว่า ผลการดำเนินงานคงกลับมาฟื้นตัวได้ 

'พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ หรือ APCO เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า แม้โอกาสการขยายตัวของกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพและความงามจากสารสกัดธรรมชาติในประเทศยังมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ไม่ควรหลงลืมที่จะออกไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในต่างประเทศด้วย เพื่อลดการพึ่งพิงสัดส่วนรายได้จากในประเทศ

หนึ่งในนั้นคือ 'ประเทศจีน' โดยการขยายตลาดในจีน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดลองและขออนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) ประเทศจีน โดยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทร่วมมือกับ 'บริษัท กวางดงโอเรียนทัล ดราก้อน สปอร์ตแอนด์คัลเจอร์ อินดัสทรี จำกัด' ซึ่งเป็นพันธมิตรประเทศจีน นำนวัตกรรมสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS และมะเร็ง เข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยได้เข้าไปศึกษากลุ่มเป้าหมายและมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ HIV/AIDS แล้ว คาดว่าจะเห็นผลการทดสอบภายในเดือน พ.ค. นี้ 

สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมทำการทดสอบในโรงพยาบาลประเทศจีน ซึ่งหากผลการทดสอบทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์เป็นที่น่าพอใจ คาดว่าจะมีการทำสัญญาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศจีนในลำดับต่อไป และจะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายในจีน ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วย ผลพลอยได้ในแง่ของการทำธุรกิจก็จะทำให้บริษัทขยายตลาดในจีนได้อย่างรวดเร็ว

'หากผลิตภัณฑ์ทุกชนิดได้รับการอนุมัติแล้ว คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น และจะมีการทำสัญญาสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายอย่างแพร่หลายในประเทศจีนต่อไป' 

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมีการศึกษาตลาดในจีน เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่จากเดิมอยู่ที่ระดับ 10% ให้เติบโตมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงสัดส่วนรายได้ในไทย ซึ่งหากการขยายตลาดไปยังจีนประสบความสำเร็จ ในระยะถัดไปบริษัทมองโอกาสการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้นอีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมก่อตั้งบริษัทร่วมทุนกับผู้บริหาร LGBT Foundation เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LIV ไปยังประเทศตะวันตกด้วย

'เจ้าของAPCO' บอกต่อว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์กับองค์กรของรัฐ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระดับประเทศ และสามารถส่งผลไปยังการจำหน่ายไปยังต่างประเทศด้วย ซึ่งความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เชื่อว่าจะผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2562 

'มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยเอดส์ และ HIV ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น โดยปัจจุบันบริษัทถือเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยด้านประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากพืช โดยการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ภายใน 6 เดือน' 

สำหรับผลิตภัณฑ์ LIV สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ปัจจุบัน 'ยอดขาย' ในเมืองไทยปี 2561 มีอัตราการเติบโตระดับสูงถึง 50% เทียบกับปี 2560  ซึ่งในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตระดับ 50% ขึ้นไปอีก ถือว่าผลิตภัณฑ์ LVI ขึ้นแท่นเป็น 'พระเอก' ที่สร้างรายได้เข้ามามาก และมีอัตราการเติบโตสูงกว่าผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ของบริษัท 

ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ปี 2561 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% โดยในปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ มียอดจำหน่ายมากที่สุด และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในประเทศไทยยังมีผู้ป่วยอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องการความช่วยเหลือ และอาจไม่มีกำลังมากพอที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการรักษา ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งเน้นการให้ข้อมูลความรู้ และนำผลการใช้ของผู้บริโภคมาเผยแพร่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้มากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจากแผนการขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคจะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ขณะที่แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 'ราว5-10%' และรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 80% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ หลังจากช่วงต้นปีได้ศึกษากลุ่มเป้าหมายและทดสอบผลิตภัณฑ์ HIV/AIDS ในประเทศจีน ภายใต้ความมือกับ บริษัท กวางดงโอเรียนทัล ดราก้อน สปอร์ตแอนด์คัลเจอร์ อินดัสทรี จำกัด เป็นพันธมิตรในประเทศจีน 

นอกจากนี้ แผนการขยายฐานจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Operation BIM ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการรุกตลาดผ่าน Social Media และรายการทีวี 

อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 ยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังเศรษฐกิจไทยมีภาวะชะลอตัว ส่งผลต่อยอดขายและกำลังซื้อภายในประเทศ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 90% และจากต่างประเทศ 10% แต่บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มจะกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น

ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีกราว 6 เดือนข้างหน้าสำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทจะพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโต แตกต่างจากเดิมที่เน้นการสร้างยอดขายจากการทำการตลาด

โดยตั้งงบลงทุนสำหรับงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการที่ร่วมกับจีนราว 5 ล้านบาท และสำหรับโครงการที่ร่วมกับสถาบันมะเร็งภายในประเทศราว 2-3 ล้านบาทพร้อมกันนี้ตั้งงบการทำการตลาดไว้เดือนละ 2-3 ล้านบาท เพื่อทำตลาดผ่านช่องทางรายการโทรทัศน์ , รายการใน LINE TV และสื่อ Social Media ทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นยอดขายในประเทศให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการ CLEAR HIV/AIDS กับ APCO Life Fitness Challenge ในการช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งต้องเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ที่ไม่เคยรับยาต้านมาก่อน เพื่อทดสอบว่านวัตกรรม APCO สามารถทำให้เชื้อหมดไปจากร่างกาย หรือทำให้เชื้ออยู่ในภาวะสงบไม่เพิ่มกลับมาใหม่ (Function Cure) โดยไม่ต้องใช้คู่กับยาต้านไวรัส ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายและดูแลการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ 

ท้ายสุด 'พิเชษฐ์' บอกไว้ว่า บริษัทเรามีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ผ่านนวัตกรรมภูมิคุ้มกันสมดุลบำบัด ซึ่งผ่านการวิจัยและพัฒนามาแล้วว่าสามารถดูแลผู้ป่วยให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ และเป็นสิ่งที่บริษัทต้องการช่วยผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นในอนาค

เร่งปรับภาพลักษณ์ใหม่ 

'พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ หรือ APCO บอกว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับภาพลักษณ์ของบริษัทใหม่ ให้เป็น 'สถาบันช่วยเหลือดูแลสุขภาพ' แทนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบขายตรง  คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งการปรับภาพลักษณ์ดังกล่าวจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น 

หากย้อนไปเดิมผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยและพัฒนาของบริษัทถูกจำหน่ายในช่องทางการ 'ขายตรง' ของบริษัทเป็นหลัก ซึ่งเป็นช่องทางที่บริษัทจะสามารถกำหนดทิศทางของธุรกิจให้เป็นธุรกิจเครือข่ายสีขาว นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยให้เป็นประโยชน์แก่ ผู้บริโภคด้วยราคาที่เหมาะสม  ยุติธรรม ทั้งผู้ลิต ผู้จัดจำหน่ายและผู้บริโภค จึงทำให้มียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางอื่นๆ มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางการขายตรง ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญและเพิ่มสัดส่วนการจัดจำหน่ายผ่านช่องทาง Call Center มากขึ้น โดยบริษัทได้เพิ่มการ ประชาสัมพันธ์ทางช่องดิจิทัลทีวี ช่องฟรีทีวี และสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง 

เมื่อผู้บริโภคได้รับทราบ ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ และสนใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัท สามารถติดต่อสอบถามและ/หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่าน Call Center 1154 ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งในปัจจุบันบริษัทได้มีการให้บริการในรูปแบบของ Bim Health Center ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด และที่สาขารัชดาภิเษก อาคารเอไอเอ ชั้น 30 

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทร่วมที่เปิดให้บริการที่ ชั้น G ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์ เพื่อให้ผู้บริโภคที่สนใจเข้าไปติดต่อสอบถามได้ โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำอยู่ที่ Bim Health Center เพื่อให้คำแนะนำสัปดาห์ละ 2 วัน