ลอรีอัล รุกตลาดความงาม ชู "บิวตี้เทค" กระตุ้นการซื้อ
เปิดวิชั่นแม่ทัพใหม่ “ลอรีอัล (ประเทศไทย)” นำทัพธุรกิจความงามสู่ “บิวตี้เทค” เสริมประสบการณ์สวยตอบโจทย์คนไทย หวังชิงเค้กตลาดความงามไทย 1.92 แสนล้านบาท
นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไทยเป็นตลาดความงามที่ใหญสุดในภูมิภาคอาเซียน และลอรีอัลฯในไทยยังเป็นธุรกิจที่มีขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้แนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2562 บริษัทต้องการเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจความงามที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีหรือบิวตี้เทค เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย สร้างการเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทเริ่มนำเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาให้บริการแก่ผู้บริโภค ประเดิมนวัตกรรมปัญญญาประดิษฐ์ “EFFACLAR SPOTSCAN” ภายใต้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแบรนด์ลา โรช-โพเซย์ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิว ตลอดจนแนะนำการดูแลผิวสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากมองว่าผู้บริโภคชาวไทยมีเพียง 10% เท่านั้นที่เข้าถึงบริการรักษาสิวที่คลินิก โดยบริการดังกล่าวจะเปิดตัวเดือนเม.ย.นี้
นอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีทดลองแต่งหน้าเสมือนจริงของโมดิเฟส(Modiface)ในชื่อ Color me มาให้บริการแบบเอ็กซ์คลูสีพกับร้านวัตสัน ซึ่งจะเปิดตัวเดือนเดือนพ.ค.นี้ โดยเทคโนโลยีเสมือนจริงจากโมดิเฟสถูกนำไปให้บริการในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และมีบริการกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม กลุ่มสีสัน(เมกอัพ) และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ(สกินแคร์) เป็นต้น บริการดังกล่าวช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับไม่มีบริการ
“วิชั่นของเราต้องการเป็นผู้บุกเบิกบิวตี้เทคในเมืองไทย สร้างอนาคตการเติบโตของตลาดความงามด้วยดิจิทัล มีการนำเทคโนโลยีเสมือนจริงมาให้บริการลูกค้า ใช้เอไอในการผสานพลังของข้อมูลหรือดาต้าเชื่อมต่อผู้บริโภคและค้นหาสินค้า ให้ผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าด้วยเสียง ทำให้การสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเปลี่ยนไป”
สำหรับภาพรวมตลาดสินค้าความงามของไทย ปี 2561 มีมูลค่า 1.92 แสนล้านบาท เติบโต 7.3% ต่ำกว่าปี 2560 ที่เติบโต 7.8% เมื่อแบ่งหมวดหมู่สินค้า สกินแคร์ 8.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 7.9% เมกอัพ 2.48 หมื่นล้านบาท เติบโต 8.5% ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 3.11 หมื่นล้านบาท เติบโต 2.7% เป็นต้น
ทั้งนี้ ปี 2561 ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขาย 2.69 หมื่นล้านยูโร หรือราว 2.7 แสนล้านบาท เติบโต 7.3% สูงสุดในรอบ 10 ปี
“อยู่ลอรีอัลมา 18 ปี ใน 4 ประเทศ ทำให้พบความต้องการผู้บริโภคไทยและตะวันตกแตกต่างกัน คนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยงามมาก ยิ่งอายุ 35 ปี จะดูแลมากขึ้น การดูแลผิวพรรณสำคัญสุด ใส่ใจการเลือกสินค้า และผู้ชายยังให้ความสนใจด้านความงาม ส่วนยุโรปอายุ 45 ปีจึงตระหนักการดูแลความงาม เน้นการดูแลเส้นผม ผู้ชายใส่ใจด้านความงามน้อยมาก ส่วนสถานการณ์ตลาดความงามในไทยมีการเคลื่อนไหวสูง การเติบโตรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ”