คลังเตรียม 2 หมื่นล้านบาท พยุงเศรษฐกิจ 3 เดือน
รัฐบาลเตรียมออกมาตรการดันเศรษฐกิจ 3 เดือน ส่งต่อรัฐบาลใหม่ ผ่านโครงการช้อปช่วยชาติ ลดภาระเปิดเทอม ท่องเที่ยวเมืองรอง เมืองหลัก ส่งเสริมผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้าน หลังพบสัญญาณจีดีพีชะลอตัว ไตรมาส 1-2 โตเพียง 3%
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หารือกับผู้บริหารกระทรวงการคลังพร้อมสั่งการให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2-3 เดือนนี้ ก่อนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเสร็จ คาดใช้เงินงบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นด้านท่องเที่ยวเมืองรอง 15,000 บาท คาดมีผลในช่วงเดือนเม.ย.-ก.ย.นี้รวมถึงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อซื้อเครื่องเขียนชุดนักเรียนเพื่อลดภาระค่าครองชีพคาดจะนำเสนอที่ประชุมครม.ได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรียังกำชับให้กรมสรรพากร เตรียมจัดเก็บภาษีผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ เพื่อดึงให้เข้ามาอยู่ในระบบและดูแลการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย แม้ว่าล่าสุดผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลยังเติบโตเกินเป้าแต่เพื่อเตรียมพร้อมด้านสถานะทางการคลังของไทยสำหรับรับมือหากเข้าสู่ภาวะวิกฤตก็ยังสามารถขับเคลื่อนประเทศไปต่อได้ โดยรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศต้องเข้ามาสร้างความเข้มแข็ง และเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานที่ประชุมคาดว่า จีดีพี ไตรมาส 1-2 อาจเติบโตกว่า 3% หากปล่อยให้ทรุดตัวแม้เพียงช่วง 2-3 เดือนจะใช้เวลาและกำลังดึงกลับมาลำบาก จึงต้องพยุงให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่บริหารได้อย่างไม่มีปัญหา และมาตรการชุดนี้แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการยังสามารถดำเนินการได้ เพื่อดูแลเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลเตรียมขยายมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อนำรายจ่ายท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษีและมาตรการต่าง ๆ จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง ให้ครอบคลุมการท่องเที่ยวทุกจังหวัดทั่วประเทศ คาดว่าจะใช้เงินงบประมาณทั้งหมดประมาณ 20,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีภาษีช่วยเหลือด้านการศึกษา โดยต้องออกมาในช่วงก่อนเปิดเทอม เพื่อลดภาระให้กับผู้ปกครองในการซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน กีฬา ผ่านมาตรการช้อบช่วยชาติ รวมทั้งการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหนังสือให้ยาวต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อส่งเสริมการอ่าน การสร้างทุนมนุษย์ ระยะยาว และยังส่งเสริมการเรียนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต ทั้งวิศวกรรม วิทยาศาตร์ เพื่อให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีโอกาสส่งเสริมให้เรียนตามกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนการส่งเสริมการลงทุนติดตั้งเครื่องคิดเงินชำระสินค้า POS เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมสรรพากรสามารถนำค่าใช้จ่ายลงทุนหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5-2 เท่าของค่าใช้จ่าย
ด้านที่อยู่อาศัย เพื่อผู้มีรายได้น้อยยังมีความต้องการบ้านจำนวนมาก แต่มาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการคุมเข้มการวางเงินค้ำประกัน LTV อาจกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อของธนาคาร จึงต้องการมอบหมายให้แบงก์รัฐ ทั้งธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นกลไกหลักสำคัญในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อซื้อบ้าน มาตรการทุกด้านจะสรุปได้ทั้งหมดเร็วๆ นี้