GGC - ซื้อ
ไตรมาสที่อ่อนแอผ่านไปแล้ว; เล่นรับอุปสงค์ B100 ที่กำลังโต
ผลประกอบการต่ำกว่าคาด
GGC รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/62 ที่ 22 ล้านบาท ลดลง 66% YoYและ 95% QoQ หากไม่รวมขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 74 ล้านบาท,ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 7 ล้านบาท และกำไรจากตราสารอนุพันธ์ 4 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 99 ล้านบาท ลดลง 69% YoY และ 49% QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด เนื่องจากกำไรของธุรกิจ ME ต่ำกว่าคาด, ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนน้อยกว่าคาด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่าคาด
ประเด็นหลักผลประกอบการ
รายได้พิเศษจำนวนมากที่หายไป (มีการบันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีในไตรมาส 4/61) กอปรกับผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวเป็นสาเหตุให้กำไรสุทธิหดตัวลง ในด้านการดำเนินงานนั้น ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรหลักหดตัวลง ได้แก่ 1) กำไรของธุรกิจ ME (B100) ลดลง, 2) กำไรจากธุรกิจ FA ที่ลดลง, 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น และ 4)กำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนลดลง
สำหรับธุรกิจ ME adjusted EBITDA margin ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1.2%จาก 6.5 % ในไตรมาส 1/61 (ทรงตัว QoQ) เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของธุรกิจ ME หดตัวลง และ ราคากลีเซอริน(ผลิตภัณฑ์พลอยได้) ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตามปริมาณขาย B100 ปรับตัวลง 8% YoY และ 3% QoQ มาอยู่ที่ 94,703 ตัน (ปริมาณขายสูงกว่าปกติในไตรมาส 1/61) สำหรับธุรกิจ FA adjusted EBITDA marginเพิ่มขึ้นเป็น 17.8% จาก 14.2% ในไตรมาส 1/61 (ทรงตัว QoQ) หนุนโดยส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 32%YoY และ3% YoY มาอยู่ที่ 553 เหรียญสหรัฐต่อตัน) ปริมาณขายอยู่ที่ 24,798 ตัน เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 26% QoQ เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานตามแผน 11 วัน และและอุปสงค์ตามฤดูกาลที่อ่อนตัว
แนวโน้ม
กำไรหลักของ GGC ในไตรมาส 2/62 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง YoY เนื่องจากกำไรที่ลดลงของธุรกิจ ME (อัตรากำไรที่ลดลง) ขณะที่กำไรของธุรกิจ FAที่เพิ่มขึ้นจะช่วยบรรเทาการปรับตัวลดลงของกำไรหลัก YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรหลักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ ME (ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น) และธุรกิจ FA (ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น) ดังนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/62 จะพลิกกลับเป็นกำไร YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้พิเศษเพียงครั้งเดียว (มีการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษจากความเสียหายของวัตถุดิบคงคลังในไตรมาส 2/61)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราได้รวมผลประกอบการไตรมาส 1/62 เข้าไปในประมาณการและปรับสมมติฐานอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น (จาก 4.0% เป็น 4.8%) และปรับลดคาดการณ์ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ลง 47% มาอยู่ที่ 589 ล้านบาท และปรับลดราคาเป้าหมายโดยวิธี DCF มาอยู่ที่ 13.60 บาท จาก 14.00 บาท