‘ยู-ฟาร์ม’จุดยืนซีพีสร้างนวัตกรรมนำตลาด
U-Farm แบรนด์น้องใหม่ในเครือซีพี ปักหมุดเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพระดับซูเปอร์พรีเมียม นอกจากผลิตหรือเลี้ยงในระบบออร์แกนิกที่ปลอดสารเคมีแล้ว ยังเสริมด้วยนวัตกรรมจากการวิจัยพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณสมบัติพิเศษมากกว่ามาตรฐานปกติ
“ยู-ฟาร์ม” (U-Farm) แบรนด์น้องใหม่ในเครือซีพี ที่ปักหมุดเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มเพื่อสุขภาพระดับซูเปอร์พรีเมียม นอกจากผลิตหรือเลี้ยงในระบบออร์แกนิกที่ปลอดสารเคมีแล้ว ยังเสริมด้วยนวัตกรรมจากการวิจัยพัฒนาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์นั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่ให้ประโยชน์นอกเหนือจากคุณค่าทางโภชนาการพื้นฐาน
ไก่เบญจา หรือ Benja Chicken ผลิตภัณฑ์นำร่องและเป็นผลิตภัณฑ์เดียวของแบรนด์ยู-ฟาร์มที่มีอยู่ในขณะนี้ เปิดตัวสู่การรับรู้ของสาธารณะเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นเนื้อไก่สดจากการเลี้ยงด้วยข้าวกล้องคัดพิเศษ ให้รสชาติ ความหอม ความนุ่มและความฉ่ำของเนื้อไก่มากกว่าปกติถึง 55% เนื้อไก่ออกสีชมพู ที่สำคัญยังปลอดสาร ปลอดภัย ไม่ใช้ฮอร์โมน และไม่เคยได้รับยาปฏิชีวะนะ 100% ตลอดการเลี้ยงดู โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลกจาก NSF เป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของยู-ฟาร์มอย่างชัดเจน
ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจไก่เนื้อและการค้าระหว่างประเทศ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ไก่เบญจาเลี้ยงในฟาร์มระดับปิดย่านมีนบุรี กรุงเทพฯ กำลังการผลิตประมาณ 1 หมื่นตัว ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากสำหรับสินค้ากลุ่มซูเปอร์พรีเมียม ส่วนพื้นที่จัดจำหน่ายยังคงเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในกรุงเทพฯ ขณะที่ต่างจังหวัดมีขายในห้างริมปิง จ.เชียงใหม่ เพียงแห่งเดียว
อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ไก่แบรนด์เดียวของไทย ที่ได้รับเลือกให้วางจำหน่ายในห้างดองกิ ทองหล่อ ซูเปอร์มาร์เก็ตจากญี่ปุ่นที่จะวางขายสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นเป็นหลัก จึงเป็นการเปิดทางนำไปสู่การเจรจาสำหรับส่งออกในรูปผลอตภัณฑ์ปรุงสุกไปวางขายในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศแรกของไก่เบญจา นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากซีพีเอฟ ที่นำไปออกบูธในงานไทยเฟ็กซ์ 2019 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย วันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ วีแกน ลาซานญา ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานในกลุ่มเพื่อสุขภาพ ไก่เบญจายังเข้ารอบ 50 ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจาก 700 ผลิตภัณฑ์ในการประกวดครั้งนี้ โดยเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสดเป็นรายเดียว ส่วนวีแกนลาซานญาเข้ารอบสุดท้ายในการชิงชนะเลิศ
“ย้อนกลับไปเริ่มแรก เราใช้เวลาพัฒนาไก่เบญจาประมาณ 1 ปี หลังจากศึกษาเทรนด์โลก ซึ่งเป็นความได้เปรียบที่ผลิตภัณฑ์ซีพีส่งออก 20 ประเทศทั่วโลก ทำให้มีโอกาสศึกษาเก็บข้อมูลจากประเทศคู่ค้าเหล่านั้น พบว่า ผู้บริโภคอยากได้ของที่ดีขึ้นตลอดเวลา เช่น อร่อยขึ้น นุ่มขึ้น หอมขึ้น ปลอดภัยและมีประโยชน์ทั้งปกป้องจากอันตรายแล้วยังต้องทำให้สุขภาพแข็งแรงได้ด้วย จึงนำโจทย์ทั้งหมดว่าจับและขบคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะตอบความต้องการได้ทั้งหมด สรุปได้มา 3 คุณสมบัติคือ ความอร่อย ปลอดภัย คุณสมบัติพิเศษ จึงนำมาหารือแล้ววางแผนการตลาดนำเสนอด้านคอนเทนต์ให้ซีรีส์ ซึ่งขณะนี้เป็นซีรีส์แรกในเรื่องความนุ่มอร่อย ส่วนอีก 2 ข้อที่เหลือจะค่อยๆ ชูขึ้นมานำเสนอทีละเรื่อง เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสน"
ยู-ฟาร์มเลือกนำร่องที่เนื้อไก่ เนื่องจากความเป็นแมสและเป็นเทรนด์อาหารแห่งอนาคต เมื่อผู้บริโภคมีการศึกษามากขึ้นก็จะใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น และเลือกที่จะลดการบริโภคเนื้อแดงแล้วหันมาหาเนื้อขาวมากขึ้น เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ขณะที่พอร์ตไก่ของซีพีมีมาก จึงหยิบธุรกิจไก่มากทำโดยคำนึงถึงขนาดของตลาดโลกด้วย ส่วนที่เลือกสูตรข้าวกล้องนั้น เราอยากครีเอทซูเปอร์โปรดัคให้กับคนรักษ์สุขภาพ ตอนแรกมีรายชื่อโปรดัคสิบกว่ารายการ แต่บางอันก็เป็นสไตล์ฝรั่ง สุดท้ายเราคิดถึงข้าวไทยเพราะรู้ว่าข้าวทำให้ไก่มีเนื้อนุ่มและหอม และเมื่อมองลึกถึงเรื่องสุขภาพก็ต้องคิดถึงข้าวกล้อง ซึ่งทั่วโลกยกให้เป็นซูเปอร์ฟู้ด จึงสนใจที่จะลองนำมาใช้เป็นอาหารไก่ หลังจากทดลองแล้วผลปรากฏว่าดีเกินที่คาดคิดไว้
ไก่เบญจาแสดงถึงจุดยืนของซีพีคือความเป็น “ผู้นำ” จึงต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ออกมานำเสนอให้ถูกใจผู้บริโภค (Unmet Need) เพื่อก้าวให้ไปไกลกว่าแค่ความต้องการที่ผู้บริโภคได้รับจนชาชินจากประสบการณ์เดิมๆ ทำให้สภาพการทานอาหารของคนในสังคมดีขึ้นเรื่อยๆ ยกระดับสิ่งที่ดี
“การทำธุรกิจมี 2 ทางเลือก คือ การค้นคว้าหาสิ่งใหม่ทำให้ดีขึ้น ยกระดับระบบนิเวศทั้งรายเล็กรายใหญ่อยู่กันได้หมด ส่วนอีกทางเลือกคือ การดั๊มพ์ราคาลดคุณภาพ รายเล็กก็จะทยอยล้มหายเหลืออยู่เพียงรายใหญ่ในระบบที่ได้เปรียบ ส่วนใหญ่ภาคธุรกิจจะเลือกวิธีที่สองซึ่งทำได้ง่ายกว่าการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ซีพีมุ่งสร้างสิ่งใหม่ๆ แล้วนำพาทุกคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน”