'ศรีสุวรรณ' คัดค้านจัดทำผังเมือง 'อีอีซี' ปมขัดต่อรธน.
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์คัดค้านจัดทำผังเมือง "อีอีซี" ปมขัดต่อรัฐธรรมนูญ
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการฯได้ออกแถลงการณ์เรื่อง คัดการการจัดทำผังเมือง EEC ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีใจความว่า
ตามที่สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้มีการจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกโดยยกเลิกผังเมืองเดิมที่ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างถูกกฎหมายไปแล้ว โดยการกลับมาดำเนินการใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนหรือนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยการเปิดทางให้มีการบริหารจัดการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเสียใหม่ตามความต้องการของกลุ่มทุน โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้ไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง มีแต่การจัดตั้ง จัดฉาก เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วมแล้ว อันเป็นการทำลายหลักสิทธิชุมชนด้านสิ่งแวดล้อมตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง
ในการดำเนินการจัดทำผังเมือง EEC ขึ้นมาใหม่นั้น ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการจัดทำผังเมืองทั้งระบบ ตาม ม.9 แห่งพรบ.การผังเมือง 2562 ประกอบ ม.26 ม.43 ม.50(8) ม.57และ ม.72 ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยมีความพยายามที่จะเปลี่ยนสีผังเมืองในพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ให้กับกลุ่มทุนเพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม และการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่โดยละเลยหลักการทำผังเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นตัวอย่าง
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงไม่อาจปล่อยผ่านให้สํานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดำเนินการจัดทำผังเมืองใหม่โดยขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญข้างต้นได้ จึงใคร่เรียกร้องให้คณะกรรมการนโยบาย EEC ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้สั่งให้มีการทบทวนการจัดทำผังเมือง EEC ขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นไปตามหลักการผังเมือง โดยต้องจัดทำอยู่บนพื้นฐานที่สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของภาคตะวันออก และต้องจัดให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเพียงพอและครบถ้วน โดยต้องไม่เอื้อประโยชน์กับกลุ่มคนบางกลุ่ม เพื่อขับไล่ประชาชนออกจากที่ดิน ทำลายระบบนิเวศน์เฉพาะ แหล่งความมั่นคงทางอาหารที่สำคัญของภาคตะวันออกและทั้งประเทศ ทำลายวิถีชีวิต เศรษฐกิจของชุมชน และสร้างผลกระทบกับประชาชนจำนวนมากในพื้นที่
ทั้งนี้หากข้อเรียกร้องนี้ยังไม่นำไปสู่การทบทวนตามหลักกฎหมายที่ถูกต้อง สมาคมฯจะร่วมมือกับพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดตะวันออกดังกล่าวดำเนินการนำคดีขึ้นสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญต่อไปแน่นอน