'ซีพี' วืด! ชิงเมืองการบินอู่ตะเภา 2.9 แสนล้าน
ศาลปกครองกลาง ยกฟ้องคดีตัดสิทธิเปิดซอง "ซีพี" ชิงประมูลโครงการสนามบินอู่ตะเภา ชี้ กองทัพเรือเดินหน้าเปิดซองประมูลรายอื่นต่อ
เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ศาลปกครองกลางมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขดําที่ ๗๕๗/๒๕๖๒ หมายเลขแดงที่ ๑๐๖๖/๒๕๖๒ ระหว่าง บริษัทธนโฮลดิ้ง จํากัด ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ บริษัทบี.กริม จอยน์ เว็นเจอร์ โฮลดิ้ง จํากัด ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดีที่ ๓ บริษัท ช.การช่าง จํากัด (มหาชน) ผู้ฟ้องคดีที่ ๔ และบริษัทโอเรียนท์ ซัคเซส อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด ผู้ฟ้องคดีที่ ๔ คณะกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ผู้ถูกฟ้องคดี
คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าในนาม กลุ่มกิจการค้าร่วมบริษัทธนโฮลดิ้ง จํากัด และ พันธมิตร ได้ยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน ภาคตะวันออก ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีกําหนดเปิดการยื่นซองในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๔.๐๐ นาฬิกา และปิดการรับซองในวันเดียวกัน เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งห้าได้ยื่นซองข้อเสนอ ประกอบด้วย เอกสารซองที่ไม่ปิดผนึก เอกสารซองที่ ๑ คุณสมบัติทั่วไป เอกสารซองที่ ๒ ข้อเสนอด้าน เทคนิคและแผนธุรกิจ เอกสารซองที่ ๓ ข้อเสนอด้านราคา และเอกสารซองที่ ๔ ข้อเสนออื่น ๆ รวม ๑๑ กล่อง พร้อมกล่องสําเนา และเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีได้ออกหลักฐานการยื่นซองข้อเสนอให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าแล้ว
แต่ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือแจ้งผลการยื่นข้อเสนอว่า ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่รับข้อเสนอในส่วนของ ซองที่ ๒ ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ กล่องที่ 5 และซองที่ ๓ ข้อเสนอด้านราคา กล่องที่ ๔ เนื่องจาก เป็นเอกสารที่ยื่นภายหลังกําหนดเวลาการยื่นข้อเสนอ
ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าเห็นว่า คําสั่งดังกล่าวไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่รับซอง ข้อเสนอดังกล่าว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีรับซองข้อเสนอของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไว้พิจารณาตามขั้นตอนการคัดเลือก ผู้ร่วมลงทุนต่อไป
คดีมีประเด็นวินิจฉัยว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่รับซองข้อเสนอบางส่วนของ ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เอกสารการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการนี้ ในส่วนของสถานที่ วัน เวลาเปิดการรับซอง ปิดการรับซอง และการเปิดซองข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอ กําหนดว่า จะเปิดให้การรับซองข้อเสนอในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๙.๐๐ นาฬิกา และปิดการรับ ซองข้อเสนอในวันเดียวกัน เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ตามเวลามาตรฐานประเทศไทย ผู้ถูกฟ้องคดีจะไม่รับ ซองเอกสารข้อเสนอที่ยื่นภายหลังกําหนดเวลาการยื่นซองเอกสารข้อเสนอตามที่ระบุไว้ สําหรับหลักเกณฑ์ การเปิดซองข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอ กําหนดว่า (ก) จะเปิดซองที่ ๑ คุณสมบัติทั่วไปของผู้ยื่นข้อเสนอ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๖.๐๐ นาฬิกา จากข้อกําหนดดังกล่าว ซองข้อเสนอที่ผู้ประสงค์จะยื่นแบ่งออกได้เป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มแรก ข้อเสนอไม่ปิดผนึก (ซองที่ ๐) กับกลุ่มที่สอง ข้อเสนอเปิดผนึก (ซองที่ ๑ คุณสมบัติทั่วไป ซองที่ ๒ ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ : ด้านราคา และซองที่ ๔ ข้อเสนออื่น ๆ) ซึ่งในวันยื่นข้อเสนอวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ผู้อื่น ยื่นซองข้อเสนอทั้ง ๒ กลุ่ม ให้ครบถ้วนภายในเวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา หลักเกณฑ์การคัดเลือก ได้กําหนดขึ้นเพื่อให้การแข่งขันในการยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐในโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม และเพื่อป้องกันมิให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกัน อันเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีในฐานะผู้ทําหน้าที่คัดเลือกคู่สัญญาจะต้องวางตัวเป็นกลางและรักษากติกา กล่าวคือ ต้องดําเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ข้อเท็จจริงในคดีนี้รับฟังได้ว่า ในวันยื่นซองข้อเสนอเวลาประมาณ ๑๒.๒๑ นาฬิกา ผู้ฟ้องคดีทั้งห้า ได้นําข้อเสนอซองไม่ปิดผนึกมายังสถานที่รับซอง และเวลา ๑๓.๕๒ นาฬิกา ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าได้นํา ซองข้อเสนออีกจํานวน ๘ กล่อง เข้ามา ต่อมาในเวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา คณะทํางานรับและจัดเก็บเอกสาร ข้อเสนอตรวจสอบหมายเลขซองข้อเสนอที่ระบุบนกล่องข้อเสนอทั้งหมดของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าที่มาถึงสถานที่ รับซองแล้ว พบว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ามีความประสงค์ที่จะยื่นข้อเสนอจํานวนทั้งหมด ๑๑ กล่อง แต่ข้อเสนอ มีเพียง ๙ กล่องเท่านั้นที่มาถึง โดยขาดข้อเสนอ ๒ กล่อง ได้แก่ กล่องที่ 5 (ซองที่ ๒ ข้อเสนอด้านเทคนิค และแผนธุรกิจ) และกล่องที่ ๙ (ซองที่ ๓ ข้อเสนอด้านราคา) ต่อมา เวลาประมาณ ๑๕.๐๙ นาฬิกา ซองข้อเสนอ ๒ กล่อง ได้แก่ กล่องที่ 5 และกล่องที่ ๙ มาถึงยังสถานที่รับซอง ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งห้ายอมรับ ตามคําชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าส่งมอบเอกสารดังกล่าวล่าช้า เนื่องจากการจราจรติดขัด
จึงรับฟัง ได้ว่า เอกสารซองข้อเสนอของผู้ฟ้องคดีทั้งห้า จํานวน ๒ กล่อง ดังกล่าว มาถึงยังสถานที่รับซองภายหลัง เวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา อันเป็นกําหนดเวลาปิดการรับซองตามที่ระบุไว้ในข้อ ๓๑ (๑) ของเอกสารการคัดเลือก ผู้ถูกฟ้องคดีย่อมมีหน้าที่ปฏิเสธไม่รับกล่องดังกล่าวไว้พิจารณาในขั้นตอนต่อไปตามที่ระบุไว้ใน ข้อ ๓๑ (๓) โดยไม่สามารถพิจารณายกเว้นให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าเป็นกรณีพิเศษได้ มิเช่นนั้นจะเป็น การเลือกปฏิบัติต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง และทําให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้น มติของผู้ถูกฟ้องคดี ในการประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ ที่ไม่รับซองข้อเสนอร่วมลงทุนกับรัฐ ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าในส่วนของซองที่ ๒ ข้อเสนอด้านเทคนิคและแผนธุรกิจ กล่องที่ 5 กับฉบับสําเนา และซองที่ ๓ ข้อเสนอด้านราคา กล่องที่ ๔ กับ ฉบับสําเนา จึงชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าที่ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับซองข้อเสนอทั้งหมดไว้แล้วในวันนั้นโดยไม่ได้ อิดเขื่อนหรือมีท่าที่ปฏิเสธ และได้เลื่อนการเปิดซองข้อเสนอซองที่ ๑ (คุณสมบัติทั่วไป) ของผู้ยื่นข้อเสนอ ทุกรายออกไป ทั้งผู้ถูกฟ้องคดียังให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชําระค่าธรรมเนียมประเมินซองข้อเสนอและหลักประกัน ซอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้ถือเอากําหนดเวลายื่นและรับซองข้อเสนอ ในเอกสารคัดเลือกฯ ข้อ ๓๑ (๑) เป็นสาระสําคัญ และถือว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้ขยายระยะเวลารับซอง โดยปริยายแล้วนั้น เห็นว่า กระบวนการยื่นและรับข้อเสนอซองไม่ปิดผนึกรวมทั้งซองปิดผนึก (ซองที่ ๑ ถึงซองที่ ๔) ซึ่งต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลา ๑๕.๐๐ นาฬิกา เป็นกระบวนการหรือขั้นตอน ที่แยกต่างหากออกจากกระบวนการตรวจสอบเอกสารในซองไม่ปิดผนึก ทั้งการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสารของไม่ปิดผนึกก็ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่จะต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมี การยื่นข้อเสนอซองปิดผนึก หากแต่เป็นขั้นตอนภายหลังในชั้นของเงื่อนไขการพิจารณาให้คะแนนเท่านั้น
ประกอบกับความล่าช้าของการดําเนินการที่ส่งผลให้กําหนดการเปิดซองข้อเสนอซองที่ ๑ ต้องล่าช้าออกไป จนต้องมีการแจ้งเลื่อนนั้น เป็นเรื่องของการตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารซองไม่ปิดผนึก เพราะเอกสารที่ยื่นมีเป็นจํานวนมาก ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีหนังสือแจ้งขยายเวลา กําหนดการยื่นซองเอกสารข้อเสนอตามข้อ ๓๑ (๒) ประกอบกับการปฏิเสธไม่รับข้อเสนอที่ยื่นเกินเวลา ดังกล่าว ไม่จําต้องกระทําในเวลาที่มีการยื่นแต่อย่างใด หากข้อเท็จจริงปรากฏชัดในภายหลัง ผู้ถูกฟ้องคดี ย่อมมีสิทธิปฏิเสธไม่รับได้ ข้ออ้างของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไม่อาจรับฟังได้