ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทยโตเงียบ มูลค่าพุ่งแตะ 4 หมื่นล้านขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีละ 10% รับเทรนด์ตลาดทาสรักแมว-สุนัข ยินดีควักค่าอาหารและบริการเลี้ยงดูเหมือนลูกหลาน พร้อมได้อานิสงส์จากตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารโดยเฉพาะเอเชีย
นายนันทพล ตันติวงศ์อำไพ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย กล่าวว่า ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีความเสี่ยงต่างๆ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจ กลับพบว่าไม่กระเทือนตลาดนี้ โดยปัจจุบันตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงเฉพาะสุนัขและแมว (ไม่รวมสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ) มีมูลค่าเกือบ 4 หมื่นล้านบาทต่อปี เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าปีละ 10% มีผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหัวหอกในการเติบโต
หลังจากภาพรวมพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ของคนไทยเปลี่ยนไป หันมาดูแลและให้ความใส่ใจในทุกๆ มิติทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้า และการรักษาพยาบาล เหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่มีไว้เพียงเฝ้าบ้านทั่วไปเหมือนในอดีต
และยังเห็นได้จากจำนวนประชากรแมวเลี้ยงในไทยซึ่งปัจจุบันมี 4 ล้านตัว โตเกือบ 2 เท่า เทียบกับ 2.2 ล้านตัวเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนประชากรสุนัขเลี้ยงมีการเติบโต 10% ต่อปี โดยปัจจุบันพบว่าคนไทยสนใจเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กมากกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ ขณะที่อัตราการใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงเฉลี่ยเท่ากับคนทั่วโลกที่ 3-5% ของรายได้ครัวเรือน ยิ่งถ้าครอบครัวไหนไม่มีเด็ก ก็สามารถจ่ายเงินค่าอาหารและบริการของสัตว์เลี้ยงได้สูงกว่าอัตราดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทยยังเติบโตจากการส่งออก ประเทศไทยถือว่าเนื้อหอมมากในส่วนของการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ฮ่องกง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว เมียนมา และมาเลเซีย
นางสาวกุลวดี จินตวร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทฯเห็นศักยภาพการจับจ่ายที่ดีของตลาดคนรักสัตว์เลี้ยง จึงได้จัดงานแสดงสินค้า (เอ็กซิบิชั่น) ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงรวม 2 งานต่อปีที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ได้แก่ งานสมาร์ทฮาร์ท พรีเซนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ด็อก โชว์ ในเดือน มิ.ย. เน้นสุนัขเลี้ยงโดยเฉพาะ และงานสมาร์ทฮาร์ท พรีเซนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท วาไรตี้ เอ็กซิบิชั่น ในเดือน ต.ค. ซึ่งจะรวมสัตว์เลี้ยงหลากหลายทั้งทั่วไปและแปลกใหม่