ตั้งเป้าดึง'เอสเอ็มอี'เข้าตลาดหุ้นปีละ 10 บริษัท
ก.ล.ต.ผนึกกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หนุนธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าตลาดหุ้น จ่อจัดคอร์สหลักสูตรบ่มเพาะธุรกิจ หนุนกลุ่มบริษัทเป้าหมายเข้าตลาดหุ้นปีละกว่า 10 บริษัท
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าก.ล.ต.ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในภาคอุตสาหกรรมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน ซึ่งสอดคล้องภารกิจของทั้งสองหน่วยงานในการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น
ทั้งนี้คาดว่าความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินในตลาดทุนได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อเข้าไปสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและอาจมีการร่วมกันพัฒนาหลักสูตรในการบ่มเพาะธุรกิจให้สามารถย่นระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเหลือเพียง 1-2 ปีเท่านั้น จากเดิมที่ต้องใช้เวลากว่า 3 ปี
ขณะที่ในส่วนของรายชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในเครือข่ายที่กสอ.มีอยู่ประมาณ 20-30 รายที่มีความพร้อมและสามารถคัดเลือกเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นได้นั้น หลังจากนี้สำนักงานก.ล.ต.จะเข้าไปสัมผัสและฟูมฟักขึ้นมา ซึ่งคาดว่าภายในช่วงปลายปี 2564 อย่างน้อยจะเห็นการเดินหน้าเข้าตลาดหุ้นประมาณ 10 ราย น่าเกิดขึ้นได้จริงตามเป้ามายที่อธิบดี กสอ.อยากเห็น แต่เรื่องนี้ผู้ประกอบการแต่ละบริษัทก็มีส่วนสำคัญ เพราะสัดส่วนกว่า 70% ต้องมาจากความต้องการของบริษัท และที่เหลือ 30% จากที่ปรึกษาการเงิน (FA) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
“ที่ผ่านทางกสอ.บ่มเพาะมาแล้วราว 20-30 ราย ซึ่งหากเราเข้าไปช่วยก็น่าจะเกิดขึ้นตามเป้าหมายได้ โดยมองว่าเราเรียนทางลัด เพราะทางกสอ.มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว จึงทำให้สำนักงานก.ล.ต.ไม่ต้องนับหนึงกันใหม่และทำให้เกิดความเป็นจริงได้เร็ว”
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และว่าที่ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าที่ผ่านมากสอ.ได้มีโครงการบ่มเพาะธุรกิจเอสเอ็มอีในการเตรียมความพร้อมเข้าตลาดหุ้นมาประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งมีบริษัทที่อยู่ในโครงการและพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รายแรกแล้วคือบริษัท อินฟราเซท จำกัด มหาชน หรือ INSET ซึ่งจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 8 ต.ค.นี้
ทั้งนี้มองว่าการลงนามร่วมกันครั้งนี้จะช่วยให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้รวดเร็วขึ้น ผ่านการเข้ามาระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเบื้องต้นประมาณ 15 บริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร, ไอที, ก่อสร้าง และสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าหมายว่าตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไปจะมีธุรกิจเอสเอ็มอีในโครงการเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นเฉลี่ยปีละกว่า 10 ราย