“สปอนเซอร์”แก้เกมเกลือแร่ไม่โต รีลอนซ์แบรนด์เจาะคนรุ่นใหม่
2 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มเผชิญปัจจัยภายนอกที่กระทบธุรกิจอย่างมีนัยยะ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว ทำให้ตลาดเครื่องดื่มหมวด(แคทิกอรี) “เกลือแร่” หรือสปอร์ตดริ้งค์ อยู่ในสภาวะชะงักงัน
แม้จะโตแต่ก็เป็นอัตราที่ต่ำ 3-4% เท่านั้น ขณะที่การเกณฑ์ฐานลูกค้าใหม่ๆให้มาดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ค่อนข้างยาก เพราะสินค้ามีภาพรับรู้(Perception)ตอบโจทย์คนที่เสียเหงื่อ ใช้แรงงาน เป็นหลัก
อีกปัจจัยที่กระเทือนธุรกิจหนักหน่วงไม่แพ้กันคือการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ตามด้วยภาษีความหวาน หากแบรนด์ใดที่มีสินค้าสูตรน้ำตาลมาก จะโดน “รีดภาษี” แพงขึ้นตามไปด้วย สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวขนานใหญ่
“สปอนเซอร์” ในฐานะแบรนด์เจ้าตลาด ยังคงเดินเกมปรับกลยุทธ์ก่อนคู่แข่งหรือ Fisrt mover เพื่อรักษาบัลลังก์ตลาดที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ให้ปึ้ก!ยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังเป็นการลบอุปสรรค(Threat) ที่กำลังเผชิญ จึงออกสินค้าและซับแบรนด์ใหม่ “สปอนเซอร์ แอคทีฟ ซีรีส์” 3 รส ได้แก่ สปอนเซอร์ แอคทีฟ วิตามินซี สปอนเซอร์ แอคทีฟ ซิงค์ และ สปอนเซอร์ แอคทีฟ แมกนีเซียม แบบขวดจำหน่าย 10 บาท และแบบกระป๋อง จำหน่าย 13 บาท
จุดเด่นของสินค้าดังกล่าว พัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการวัยรุ่น คนรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อเกณฑ์กลุ่มะเป้าหมายใหม่ๆมาเป็น “ฐานลูกค้า” ของแบรนด์นั่นเอง จากสินค้าเดิมที่จำกัดอยู่ในคนใช้แรงงาน นอกจากนี้ สินค้ายังได้ “ปรับสูตรใหม่” โดยลดปริมาณน้ำตาลลงเหลือ 6-8 กรัมต่อปริมาณเครื่องดื่ม 100 มิลลิลิตร(มล.) เทียบกับสูตรออริจินัล หรือสปอนเซอร์สีเหลืองที่มีปริมาณน้ำตาล 10 กรัมต่อปริมาณเครื่องดื่ม 100 มล. ถือเป็นการปรับสูตรผลิตภัณฑ์รับกับภาษีความหวานที่ดีเดย์จัดเก็บตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
ศุภชัย จุนเกียรติ ผู้อำนวยการสายงานการตลาดโกลเบิล กลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP) เปิดย้ำถึงการเป็นผู้นำตลาด และต้องหานวัตกรรมสินค้าใหม่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคของแบรนด์ “สปอนเซอร์” เกิดขึ้นตั้งแต่ 30 ปีก่อน เพราะเดิมตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่เป็นแบบ “ผง” แล้วนำมาชงดื่ม แต่สปอนเซอร์ได้เป็น “รายแรก” ที่ส่งสินค้านวัตกรรมบรรจุขวดพร้อมดื่มบุกตลาด โดยมี “เฉลียว อยู่วิทยา” ผู้ก่อตั้งกระทิงแดง เป็นผู้ปลุกปั้น ขณะที่การรีลอนซ์สปอนเซอร์ แอคทีฟ ถือเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ แม้จังหวะการออกสินค้าใหม่จะตรงกับภาษีความหวานมีผล แต่สิ่งสำคัญที่แบรนด์คำนึงถึงคือการโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย “คนรุ่นใหม่” มากขึ้น ซึ่งต้องการสินค้าที่ปริมาณน้ำตาลลดลงด้วย
ดังนั้น การปรับแบรนด์และสินค้าครั้งนี้ จึงยกเครื่องเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสูตรเครื่องดื่ม ฉลาก บรรจุภัณฑ์กระป๋องที่ดีไซน์ใหม่ เป็นต้น
“ถือเป็นการรีลอนซ์แบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี เพราะเราเห็นช่องว่างของตลาดเครื่องดื่มในแคทิกอรีเกลือแร่ คนดื่มไม่ใช่คนออกกำลังกาย เสียเหงื่อ แต่ยังมีคนรุ่นใหม่ คนทำงาน นักศึกษาด้วย ขณะที่สปอนเซอร์ออริจินัล อาจยังไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมากนัก ส่วนการใช้แบรนด์ แอคทีฟ เพราะต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเข้าใจง่ายขึ้น”
ทั้งนี้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ บริษัทยังเน้นกระจายสินค้าผ่านตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน) ของกลุ่มทีซีพี อย่างที.จี.เวนดิ้ง แอนด์ โชว์เคส อินดัสทรีส์(T.G. Vending)กว่า 1,000 จุด นอกเหนือจากร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าทั่วไป
นอกจากนี้ สินค้าที่ทำตลาดวงกว้าง(Mass) การใช้พรีเซ็นเตอร์สำคัญ เพราะช่วยสร้างการรับรู้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็ว จึงดึง “เก้า สุภัสสรา ธนชาต” มาเป็นอาวุธเจาะคนรุ่นใหม่ รวมถึงใช้ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิด(Influencer) 4 คน ได้แก่ แฮปปี้ แนนซี่ นายฮ้อยชวนชิม หมอแล็บแพนด้า และแร็ปเอก มาเข้าถึงคนทำงาน คนรุ่นใหม่กลุ่มอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้มีสาวกติดตาม(Followers)จำนวนมาก หลักแสนถึงหลักล้านคน และบริษ้ททุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท เพื่อทำตลาดครั้งนี้
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท 7 เดือนตลาดเติบโตกว่า 15% ขณะที่สปอนเซอร์เติบโต 17% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 90% ส่วนภาพรวมตลาดทั้งปีคาดว่าจะโตต่ำ 6-7% ส่วนสปอนเซอร์โตกว่า 10%
“เราเป็นผู้นำตลาด จึงมีส่วนทำให้แคทิกอรีเครื่องดื่มเกลือแร่โต หากไม่นับเรา ตลาดค่อนข้างนิ่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่มีการแข่งขันสูงมีแบรนด์เล็กๆเกิดใหม่นับสิบ แต่ก็มีแบรนด์ที่หายไปจากตลาดราว 4-5 แบรนด์ และการปรับตัวครั้งใหญ่นี้เราต้องการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์สปอนเซอร์ให้เป็นเครื่่องดื่มสำหรับ Young generation”