'ประยุทธ์' ลุยครม.สัญจร ฟื้นแผนเชื่อมทวาย-อีอีซี
ครม.สัญจร “ประยุทธ์ 2” นัดแรก ลงพื้นที่ราชบุรี สุพรรณฯ กาญจนบุรี “สศช.” ชงพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน เชื่อม 3 ท่าเรือ "ทวาย-อีอีซี-สีหนุวิลล์“ หอการค้าเสนอศึกษาถนนเลียบชายแดนเหนือ-ใต้
การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ครั้งแรกของรัฐบาล “ประยุทธ์2” กำหนดให้มีการจัดขึ้นที่ จ.กาญจนบุรี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ ครม.ได้ลงพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง 1 ซึ่งประกอบไปด้วย 3 จังหวัดได้แก่ ราชบุรี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 11-12 พ.ย.นี้
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะนำเสนอแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ให้ที่ประชุม ครม.รับทราบเพื่อนำไปเป็นกรอบในการพิจารณาโครงการและงบประมาณที่จะจัดสรรให้กับกลุ่มจังหวัดที่จะเสนอโครงการเข้าสู่การพิจารณา โดยการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดนี้ได้วางวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการตลาดสินค้าภาคเกษตร อุตสาหกรรมปลอดภัย และการท่องเที่ยวคุณภาพและสนับสนุนการค้าผ่านแดนในเขตภาคตะวันตก
นอกจากนี้ สศช.ได้เสนอกรอบการพัฒนาพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง 1 ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนากรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงและเชื่อมต่อกันโดยเฉพาะประเด็นการเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งและแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระจายความเจริญและสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยสนับสนุนให้มีการเปิดประตูการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว เชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย พื้นที่ภาคกลางและเขตพัฒนาพิศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
โดยดำเนินการ 3 เรื่องที่สำคัญได้แก่
1.การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และรถไฟ เชื่อมกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจพิเศษชายแดนกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศให้มีส่วนสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
- เชื่อมท่าเรือทวาย-สีหนุวิลล์
2.เร่งพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ให้เป็นประตูเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic corridor) จากท่าเรือทวาย-ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ไปจนถึงท่าเรือวังเตา ประเทศเวียดนาม โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวความสะดวกให้เชื่อมต่อกันได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดระเบียงเศรษฐกิจที่สมบูรณ์และได้ประโยชน์ร่วมหลายประเทศ
3.พัฒนาด่านชายแดนไทย-เมียนมา บ้านพุน้ำร้อน ด่านเจดีย์สามองค์ และด่านสิงขร เพื่อเชื่อมโยงการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว กับเมียนมา โดยจัดระเบียบการใช้โยชน์ที่ดินให้สอดคล้อกับการพัฒนาในอนาคต พร้อมทั้งปรับปรุงและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ สาธารณูปโภค จุดบริการและสิ่งอำนวยควาสะดวกบริเวณจุดผ่านแดน ตลอดจนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
4.พัฒนาพื้นที่เมืองและพื้นที่เศรษฐกิจของภาคกลางตามแนวแกนหลักการเชื่อมโยงเศรษฐกิจพิเศษทวายกับอีอีซี โดยจัดเตรียมระบบสาธารณูปโภครองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อให้เอื้อต่อการพัฒนาการค้า การลงทุน และท่องเที่ยวระหว่างไทย-เมียนมา
- หอการค้าชง "ถนนเลียบชายแดน"
นายธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 กล่าวว่า ประเด็นที่ภาคเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 จะเสนอที่ประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะเสนอให้ศึกษาความเหมาะสมของถนนเลียบชายแดนภาคเหนือ-ภาคตะวันตก-ภาคใต้ระยะทางประมาณ 2,200 กิโลเมตร
โดยถนนเส้นนี้เริ่มตั้งแต่เชื่อม จ.เชียงราย มาเชียงใหม่ ผ่านแม่ฮ่องสอน ลงสู่ตาก ไปยังกำแพงเพชร ลงไปนครสวรรค์ อุทัยธานี ผ่านสุพรรณบุรี มายังกาญจนบุรี จากนั้นต้องเชื่อมต่อลงสู่ภาคใต้ไปราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชื่อมกับชุมพรประตูสู่ภาคใต้ เพื่อเป็นเส้นทางสัญจรจากภาคเหนือลงมาสู่ภาคใต้โดยผ่านชายแดนภาคตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพและช่วยส่งเสริมการคมนาคมเชื่อมต่อระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridor) และเชื่อมเครือข่ายเศรษฐกิจจากภาคเหนือลงสู่ภาคใต้ได้หากมีการก่อสร้างจริง
- เอกชนเร่งมอเตอร์เวย์กาญจน์
ส่วนประเด็นอื่นที่จะมีการเสนอให้ที่ประชุมฯพิจารณาคือการส่งเสริมให้พื้นที่จังหวัดภาคกลางตอนล่าง1 เป็นพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดธุรกิจไมซ์(MICE)ที่เกี่ยวกับการประชุมและสัมนา โดยพื้นที่ในบริเวณนี้มีความเหมาะสม ซึ่งควรมีการศึกษาอย่างจริงจัง และสร้างหอประชุมหรือศูนย์แสดงสินค้าไว้รองรับเพิ่มเติม เพราะในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวและธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่นี้มากขึ้น
สำหรับประเด็นอื่นที่จะมีการนำเสนอให้รัฐบาลช่วยขับเคลื่อน เช่น โครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่งเช่น โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองกรุงเทพฯ-บางใหญ่-กาญจนบุรี ก็จะขอให้รัฐบาลมีการเร่งรัดให้เปิดบริการได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับโครงการคมนาคมและแหล่งน้ำอื่นๆที่อยู่ในแผนการก่อสร้างก็จะขอให้มีการเร่งรัดให้มีการก่อสร้างได้เร็วขึ้นจากแผนที่มีอยู่