ซัพพลายรร.เชียงใหม่พุ่งหมื่นห้อง ฉุดยอดเข้าพักไฮซีซั่นทรงตัว!
ยังต้องจับตาสำหรับสถานการณ์โรงแรมช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นนี้ ตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 -ก.พ.2563 ของ จ.เชียงใหม่ เมืองหลักของภาคเหนือ เมื่อ สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) คาดว่าจะอยู่ในภาวะ “ทรงตัว” เมื่อเทียบกับไฮซีซันปีที่แล้ว
หลังประเมินแนวโน้มการเข้าพักของนักท่องเที่ยวในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นเดือนที่ควรจะมีอัตราเข้าพักสูงที่สุดของเชียงใหม่ แต่กลับพบว่า “กระแสการจองห้องพัก” ค่อนข้าง “แผ่ว” กว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว!
ละเอียด บุ้งศรีทอง ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท และนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) ระบุว่า เหตุผลหลักคือเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่เดินทางมาเชียงใหม่ค่อนข้างทรงตัว ประกอบกับมีจำนวนโรงแรมเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น โดยจากข้อมูลโรงแรมในเชียงใหม่พบว่าเมื่อปี2560มีจำนวนรวมกว่า 2,200-2,300 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักราว 5 หมื่นห้อง ขยายตัวเพิ่มเป็นราว 4,000 แห่ง คิดเป็นกว่า 6 หมื่นห้องพัก ในปัจจุบัน
“จำนวนห้องพักในเชียงใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่า1หมื่นห้องเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่เป็นการเกิดใหม่ของโรงแรมขนาดเล็ก กระจุกตัวในย่านเมืองเก่าและถนนนิมมานเหมินท์ นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจที่พักให้เช่าระยะสั้นซึ่งเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ต่างๆ เช่น แอร์บีแอนด์บี (Airbnb) มาชิงส่วนแบ่งไปจากธุรกิจโรงแรมอีกด้วย”
นักท่องเที่ยวจึงกระจายตัวไปพักยังโรงแรมต่างๆ และที่พักให้เช่าระยะสั้นในเชียงใหม่มากขึ้น ส่งผลให้แต่ละโรงแรมต้องเสียส่วนแบ่งการตลาดไป คาดเชียงใหม่มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยช่วงไฮซีซั่นนี้อยู่ที่ 75-80% ลดลงจาก 85% ของไฮซีซั่นที่แล้ว
จากปัจจัยการตัดสินใจซื้อทั้งเรื่องการสนนราคาห้องพักแข่งกัน จุดขาย กลยุทธ์การทำตลาด รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบินมาเชียงใหม่ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นรับไฮซีซั่น แม้จะเป็นตั๋วเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ก็ตาม ทำให้นักท่องเที่ยวชั่งใจว่าอาจขอดูก่อน หรือเลือกไปเที่ยวจังหวัดอื่นที่ใช้เงินท่องเที่ยวน้อยกว่า
ขณะที่ ตลอดปี 2562 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาเยือนเชียงใหม่ประมาณ 11 ล้านคน เติบโต 4% เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งปิดที่ 10.5 ล้านคน เติบโต8%เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 60% โดยนักท่องเที่ยวจีนครองสัดส่วนอันดับ 1 ที่ 30% และพบว่ากระแสการเดินทางของชาวจีนมาเชียงใหม่ในไฮซีซั่นนี้ยังค่อนข้างดี เพราะมีเที่ยวบินตรงอำนวยความสะดวก ที่เหลือเป็นชาติอื่นๆ ในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ส่วนอีก40%เป็นนักท่องเที่ยวไทย
“แม้ไฮซีซั่นนี้อากาศจะเย็นเร็ว น่าจะเอื้อต่อการท่องเที่ยวและเข้าพักในเชียงใหม่โดยเฉพาะจากตลาดคนไทย แต่พอดูยอดจองห้องพักล่วงหน้า กลับพบว่าไม่กระเตื้องนัก ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ไม่ค่อยดี และเงินบาทแข็งค่า หนุนต่อการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของคนไทย โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งราคาแพ็คเกจท่องเที่ยวไม่ได้สูง คนไทยยอมจ่ายแพงขึ้นอีกเล็กน้อย ก็ไปเที่ยวไฮซีซั่นในต่างประเทศได้แล้ว”
ละเอียด เล่าเพิ่มเติมว่า ด้านเทศกาลลอยกระทงปีนี้ ซึ่งเชียงใหม่เป็นหนึ่งในจุดหมายระดับไฮไลต์ของไทย พบว่าอัตราเข้าพักแน่นแค่วันเดียว คือวันที่ 11 พ.ย.นี้เท่านั้น เฉลี่ยอยู่ที่90%ต่างจากปกติที่อัตราเข้าพักจะแน่น 90% ในช่วง 3 วัน ครอบคลุมทั้งก่อนและหลังวันลอยกระทง
ด้าน ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ร่วมสืบสานประเพณีและอนุรักษ์วัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้จัดงานและสนับสนุนการจัดงานประเพณีลอยกระทงทั่วประเทศ ได้แก่ พื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ รวมถึง 5 พื้นที่เอกลักษณ์อย่าง สุโขทัย ตาก พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ คาดว่าใน 5 พื้นที่เอกลักษณ์จะมีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวจากทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 4.64 แสนคน เพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวไทยประมาณ 3.6 แสนคน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.7 หมื่นคน สร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบงานในปีนี้ทั้งหมด ททท.จะเน้นการลดใช้พลาสติก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากรณรงค์ให้ประชาชนเลือกซื้อ เลือกใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และรณรงค์ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อลดปริมาณกระทงในช่วงเทศกาล
“ททท.คาดว่าการจัดงานในปีนี้จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และแต่ละพื้นที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูง โดยเฉพาะในพื้นที่เชียงใหม่ที่น่าจะคึกคักกว่าพื้นที่อื่นๆ ประกอบกับในปีนี้ขยายวันลอยกระทงจาก 3 วัน เป็น 4 วัน”