'โมบายเพย์เมนท์' โลก สะท้อนตลาด 'อีเพย์เมนท์ไทย'

'โมบายเพย์เมนท์' โลก สะท้อนตลาด 'อีเพย์เมนท์ไทย'

สังคมปัจจุบันกำลังปรับตัวเข้าสู่ยุค Cashless Society และ "โมบาย เพย์เมนท์" ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของการค้า

โดย Worldpay’s 2018 Global Payment Report เผยว่า เทรนด์การใช้งานโมบาย เพย์เมนท์ทั่วโลกจะสูงขึ้นเป็น 28% ภายในปี 2565 และกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่แพร่หลายมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากการใช้บัตรเดบิต โดยมีประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างการเติบโตให้การใช้อีวอลเล็ต และโมบาย เพย์เมนท์  จุดขาย

คาดว่าโมบาย เพย์เมนท์ จะเป็นอีกหนึ่งวิธีชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป และปี 2565 วิธีชำระเงินดังกล่าวจะเติบโตเป็นสัดส่วนราว 40% ของการชำระเงินทั้งหมด ส่งผลให้สัดส่วนการใช้เงินสดลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงประมาณ 15% ในปี 2565

ขณะที่ Global Consumer Insights Survey 2019 จาก PricewaterhouseCoopers (PwC) ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ โมบาย เพย์เมนท์ ในเอเชียแปซิฟิกขยายตัวสูง (มีประเทศจีน ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม นำเป็นอันดับต้นๆ) ได้แก่ พฤติกรรมผู้บริโภคชาวเอเชียซึ่งความนิยมใช้งานโซเชียลมีเดียเพื่อการค้าเป็นส่วนสำคัญในการขยายฐานผู้ใช้

จุดที่ทำให้ โมบาย เพย์เมนท์ แพร่หลายอย่างก้าวกระโดดในไทย มาจากการซื้อสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊ค และอินสตาแกรม ขณะที่อีมาร์เก็ต เพลส และสถาบันการเงินต่างๆ พยายามส่งเสริมผู้ประกอบการทั้งบนช่องทางออนไลน์ และออฟไลน์หันมาเพิ่มทางเลือกจับจ่ายให้ผู้บริโภคด้วยโมบาย เพย์เมนท์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ร้านค้าขนาดกลาง ขนาดย่อยจำนวนมากปัจจุบันล้วนมีป้ายแสดง "คิวอาร์ โค้ด" รองรับการชำระเงิน ณ จุดขาย ผ่านโมบายแอพพลิเคชั่น

 ทั้งนี้ คาดว่าการใช้งานโมบาย เพย์เมนท์ ในไทยจะขยายตัวต่อเนื่อง ผลสำรวจพีดับบลิวซี ชี้ว่า ปริมาณการชำระเงินผ่านมือถือในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 48% ในปี 2561 เป็น 67% ในปี 2562 เมื่อจัดลำดับการเติบโตในอาเซียนแล้ว ไทยเป็นรองเพียงประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาด โมบาย เพย์เมนท์ ของไทยยังอยู่ในวัยเยาว์ เมื่อเทียบกับประเทศที่มีการทำธุรกรรมผ่านมือถือหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปีอย่างจีน ไทยยังต้องเรียนรู้อีกมาก

157484941663

  • ความสำเร็จของ โมบาย เพย์เมนท์ ในประเทศจีนมาจากเหตุผลหลัก 3 ประการด้วยกัน

1.ธุรกิจ โมบาย เพย์เมนท์ ช่วยเติมเต็มช่องว่างในตลาด ก่อนที่แอพพลิเคชั่น อีวอลเล็ต จะเข้ามาในชีวิตของผู้บริโภคชาวจีน ระบบธุรกรรมทางการเงินในจีนค่อนข้างยุ่งยาก ซับซ้อน เข้าถึงยาก โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่ในเขตชนบทและเอสเอ็มอี ทำให้การแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต บริการจากนอน-แบงก์ อย่างแอพพลิเคชั่น อีวอลเล็ตจึงสามารถมอบบริการที่เหนือกว่าและกลายเป็นผู้ควบคุมตลาดได้รวดเร็ว 

แม้ช่วงแรกผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยของบริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แต่ผู้เล่นรายใหญ่ในจีน ก็สามารถเอาชนะข้อกังขาต่างๆ และสร้างความไว้วางใจได้ด้วยระบบ "Escrow Payment" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางถือเงินที่ผู้บริโภคชำระค่าสินค้าไว้จนกว่าสินค้าจะได้รับการส่งมอบ รวมถึงมีการคืนเงินแก่ผู้ซื้อหากได้รับสินค้าที่ไม่ถูกต้อง การปกป้องสิทธิและมอบความสบายใจให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายนี่เอง เข้ามาเปลี่ยนกระบวนทัศน์ผู้บริโภคเข้าสู่ยุคดิจิทัลเพย์เมนท์

2.ให้โอกาสผู้บริโภคเลือกชำระเงินและรับสิทธิประโยชน์ตามใจชอบ เช่น บางแพลตฟอร์มอาจมีจุดเด่นบริการเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนท์และร้านค้าไลฟ์สไตล์ บางแพลตฟอร์มมีจุดเด่นด้านโปรโมชั่นสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ผู้บริโภคส่วนใหญ่จึงมักจะมีอีวอลเล็ต มากกว่าหนึ่งแอพพลิเคชั่น และจะพิจารณาเลือกชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มที่มอบสิทธิประโยชน์ได้ดีที่สุดในขณะนั้น 

3.ผนวกจุดแกร่งของโซเชียลมีเดียและช่องทางชำระเงิน วีแชท และเทนเพย์ (TenPay) เป็นตัวอย่างความสำเร็จในการตีตลาดผ่านการควบรวมคุณสมบัติการเป็นพื้นที่ช้อป ออนไลน์และอีเพย์เมนท์ไว้บนแอพพลิเคชั่นแชทของตัวเอง เป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ในการสร้างประสบการณ์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลมุ่งมอบ "Experiential Services" สร้างการมีส่วนร่วมหลากหลายมิติ ตลอดจนการค้นพบสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเองได้นานขึ้น

การเติบโตของอีเพย์เมนท์ในประเทศไทยจะเติบโตได้รวดเร็วเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ความเข้าใจในการใช้งานอีเพย์เมนท์ แพลตฟอร์มของผู้บริโภค และความมั่นใจในความปลอดภัยและการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ซึ่งผู้เล่นทุกคน ทั้งกลุ่ม แบงก์ และนอน แบงก์ ต้องร่วมกันสร้างให้เกิดขึ้นในทุกๆ พื้นที่ของประเทศ