'กรุงศรี' ฟันธงปีหน้าบาทแข็งสุด 29.25 ต่อดอลล์
“กรุงศรี” คาดสถานการณ์เงินบาทปีหน้า ชะลอแข็งค่า ขยับใกล้เคียงสกุลอื่น ให้กรอบทั้งปี 29.25- 31.00 บาทต่อดอลลาร์ แนะจับตาดุลบัญชีเดินสะพัด การเจราการค้า การส่งสัญญาณดูแลค่าเงินของธปท.
นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาทในปี2563 จะยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า แต่แข็งค่าชะลอลงจาก สิ้นปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ระดับ 30.40บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 29.25- 31.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งมีโอกาสแข็งค่าสูงสุดในไตรมาส 4 ปี2563 ที่ระดับ 29.25 บาทต่อดอลลาร์
" ปีหน้าเป็นปีชวดที่ไม่ชวด เงินบาทจะชะลอแข็งค่า ใกล้เคียงกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค จากคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะชะลอการปรับลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง ในปีหน้า จากปีนี้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยไป 3 ครั้ง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และทำให้ค่าเงินสกุลอื่นๆแข็งค่าขึ้น"
ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะเกินดุลลดลงหรือไม่ การดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติมจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐาน และเงินบาทกำลังจะเปลี่ยนทิศ การนำเข้าและส่งออกทองคำ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่คาดว่าจะยืดเยื้อถึงปีหน้า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. 2563 รวมทั้งรอยต่อการที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ สำหรับวาระปี 2563-2568 ซึ่งจะมีผลต่อการทำนโยบายการเงินของไทยด้วย
ด้านอัตราดอกเบี้ยของไทย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ตลอดปี 2563 แต่หากจะลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่ามีโอกาสลดได้ 1 ครั้งเท่านั้น ในช่วงไตรมาส1 ปี2563 เนื่องจากประสิทธิผลของการลดดอกเบี้ยค่อนข้างมีจำกัด แต่เชื่อว่า ธปท. ได้เตรียมมาตรการอื่นๆเพิ่มเติมที่จะดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายไว้แล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาจะถูกนำมาใช้อย่างเหมาะสม
ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก มองว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีแนวโน้มที่เงินทุนจะไหลเข้าไทย จากปีนี้ที่เป็นการไหลออกสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ ส่วนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 2.4% และขยายตัวได้ 2.5% ในปี 2563