'โรงไฟฟ้าชุมชน' จ่อเปิดยื่น ก.พ.นี้
“สนธิรัตน์” จี้คณะทำงานฯเร่งคลอดหลักเกณฑ์คัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชน ก่อนเปิดยื่นประมูลโครงการ 700 เมกะวัตต์ ก.พ.นี้ พร้อมเร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง เตรียมเปิดให้ยื่นของบกองทุนอนุรักษ์ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ม.ค.นี้
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในปี2563 กระทรวงพลังงาน จะเร่งขับเคลื่อนแผนงานดำเนินงานในโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐาน โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้ดำเนินการโดยเร็ว
ขณะนี้ คณะทำงานฯ อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดโครงการให้สมบูรณ์ เพื่อเตรียมประกาศหลักเกณฑ์คัดเลือกโครงการ ภายในเดือน ม.ค.นี้ และเปิดให้ผู้สนใจทั้งภาคเอกชนและชุมชน ยื่นข้อเสนอประมูลแข่งขันโครงการ ภายในเดือน ก.พ.นี้ คาดว่า หากรับซื้อไฟฟ้าได้ ตามเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ จะเกิดเม็ดเงินลงทุนราว 70,000 ล้านบาท
“หลังจากเปิดโครงการแล้ว คาดว่า ในส่วนของ Quick win ที่มีความพร้อม ทั้งพื้นที่ และพืชพลังงาน จะสามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ก่อน เช่น โรงไฟฟ้า จ.อุบลราชธานี ที่ตนจะลงพื้นที่ในเร็วๆนี้ ก็เป็นหนึ่งในโครงการ Quick win ที่จะสามารถลงทุนได้ก่อน เพราะมีความพร้อมด้านวัตถุดิบในพื้นที่” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)ที่เสนอจะจัดทำโรงไฟฟ้าขนาด 256.9 เมกะวัตต์นั้น ทางกระทรวงพลังงาน จะพิจารณาร่วมกันว่าจะมีการลงทุนในรูปแบบใด เพราะส่วนหนึ่งเป็นโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น โรงไฟฟ้าประชารัฐ ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าจะจัดสรรอย่างไร
นอกจากนี้ ในเดือน ม.ค.นี้ กระทรวงพลังงาน จะเร่งจัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์ขั้นสุดท้ายเพื่อเตรียมเปิดให้ผู้สนใจยื่นเสนอโครงการ เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปี 2563 วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ในช่วงเดือนมี.ค.นี้
อีกทั้ง จะเร่งส่งเสริมการใช้ดีเซลบี 10 ให้เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนดีเซลบี 7 เพื่อดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) แก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำ ซึ่งผลจากนโยบายดังกล่าวขณะนี้ทำให้ราคาปาล์มดิบ ขึ้นไปสูงระดับกว่า 6 บาทต่อกิโลกรัม และ CPO ทะลุ 33-34 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่เดือน มี.ค.นี้ คาดว่าจะหันไปส่งเสริมพืชเกษตรที่สำคัญ คือ อ้อย และมันสำปะหลัง ผ่านการใช้เอทานอล เพื่อนำไปผสมเป็นน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าอีกว่า หลังจากที่กระทรวงพลังงาน ได้จัดทำโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มเข้าไปส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากขยะให้สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้นจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ปี2561-2580 (พีดีพี 2018) ที่กำหนดสัดส่วนรับซื้อไฟฟ้าขยะชุมชน อยู่ที่ 400 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้าระบบในช่วงปลายแผน ให้สามารถรับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบเร็วขึ้นช่วงปี 2565 เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่นับว่าเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่า ในส่วนของโควตาขยะชุมชนที่มีอยู่ 400 เมกะวัตต์ จะจัดสรรให้เหมาะสมอย่างไร และสามารถเกลี่ยโควตาให้กับขยะอุตสาหกรรมเพิ่มเติมได้หรือไม่