'เงินเย็น' เดือนละ 1,000 ลงทุนอะไรได้บ้าง?
เปิด 3 ช่องทาง "ลงทุน" สำหรับคนงบน้อย กองทุนรวม ทองคำ หุ้น และการลงทุงในตัวเอง ที่ช่วยเปิดโอกาสเข้าใกล้เป้าหมายทางการเงินได้มากขึ้น
ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำจนสัมผัสไม่ได้ เงินเฟ้อในอนาคตที่ทำให้มูลค่าของเงินจำนวนเดิมลดลง วิทยาการทางการแพทย์ที่ดีขึ้น ทำให้อายุเฉลี่ยของคนไทยที่เพิ่มขึ้นทำให้ทุกคนมีโอกาสมีอายุแตะหลักร้อย และอีกหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ต้อง “หาเงิน” ให้เพียงพอกับชีวิตปั้นปลายยากขึ้นตามไปด้วย
คำพูดที่ว่า “ให้เงินทำงาน” “ให้เงินต่อเงิน” เป็นแนวทางที่หลายคนพยายามทำเพื่อมีสถานะทางการเงินที่ตอบโจทย์ตัวเองมากที่สุด และหนีไม่พ้น “การลงทุน”
แต่ในอดีตเมื่อพูดถึงการลงทุน ก็มักจะนึกถึงบรรดานักลงทุนกระเป๋าหนัก นักธุรกิจ ที่มีเงินเย็น (เงินที่ไม่ต้องรีบใช้) จำนวนมากๆ หลักหมื่น ไปจนถึงหลายสิบล้าน ที่พร้อมทุ่มลงทุนกับโอกาสที่เข้ามา ทว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี (Teachnology) เข้ามาผสมผสานกับระบบการเงิน (Finance) กลายเป็น FinTech ที่ให้บริการด้านการเงินการลงทุนที่เข้าถึงได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำ มีการลงทุนตั้งแต่หลักร้อย ทำให้ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง และมีแหล่งข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน การบริการจัดการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายแบบฟรีๆ
แม้การลงทุนจะทำได้ง่ายกว่าที่เคย ทว่า อุปสรรคใหญ่ที่หลายคนต้องเจอ คือวงจรการใช้เงินแบบ “รายจ่ายมากกว่ารายรับ” “เดือนชนเดือน” “หนี้ใหม่โปะหนี้เก่า”ทำให้ไม่มีเงินเหลือสำหรับเก็บ และเริ่มต้นลงทุนไม่ได้สักที
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมช่องทางการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เงินหลักร้อยหรือหลักพันบาท ผ่านเครื่องมือที่เป็นที่รู้จักและเชื่อถือได้มาเป็นทางเลือกคนเพิ่งเริ่มต้นลงทุน
โดยการลงทุนที่เริ่มต้นจากเงินจำนวนน้อยที่จะกล่าวถึงนี้ จะหมายถึงการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ เดือน ซึ่งจะสามารถสะสมจนเป็นสินทรัพย์ก้อนใหญ่ได้ หากลงทุนต่อเนื่องอย่างมีวินัย สามารถเป็นเงินทุนที่นำไปลงทุนต่อ หรือวางรากฐานชีวิตในอนาคต หรือเป็นเงินก้อนสำหรับใช้ในยามเกษียณได้
- ลงทุนกองทุนรวม ออมหน่วยลงทุน เริ่มต้น 500 บาท
ลักษณะการลงทุนในกองทุนรวม คือการนำเงินของเราไปลงทุนในกองทุนที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ตั้งขึ้น เพื่อให้นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ตามนโยบายของกองทุนนั้นๆ ภายใต้การบริหารของผู้จัดการกองทุน โดยจะสร้างผลตอบแทนในรูปแบบของส่วนต่างกำไรและเงินปันผล
ความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งการเลือกรูปแบบกองทุนจะแตกต่างกันออกไปตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนแต่ละคนรับได้ โดยมีตั้งแต่ กองทุนความเสี่ยงต่ำ (ความเสี่ยงระดับ 1) ไปจนถึงความเสี่ยงสูงมาก (ความเสี่ยงระดับ 8+)
สำหรับการลงทุนในกองทุนรวม สามารถทยอยสะสมเงินได้ขั้นต่ำได้ตั้งแต่ 500 บาท โดยบางกองทุนสามารถซื้อได้ตั้งแต่ 1 บาทเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับนโบายการลงทุนของแต่ละกองทุน ตามแต่ละ บลจ. โดยผู้ลงทุนสามารถปรับสัดส่วนเงินลงทุนแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย และกำลังทรัพย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทางเลือกเก็บเงินไว้ใช้บน 'คาน'
ข้อดีของการลงทุนกองทุนรวม
- มีมืออาชีพคอยบริหาร ช่วยจัดการกองทุนให้เป็นไปตามนโยบาย
- กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน
- มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย สามารถเลือกตามความเสี่ยงที่เหมาะกับตัวเองได้
- มีสภาพคล่องสูง สามารถขายคืนหน่วยลงทุนเป็นเงินสดได้ง่าย
- ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เฉพาะประเภท SSF และ RMF
ข้อควรระวังหากต้องการลงทุนกองทุนรวม
- ผู้ลงทุนขาดความรู้เรื่องการลงทุน ทำให้การลงทุนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
- ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน เนื่องจากมีปัจจัยจากสภาวะตลาด ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงินของประเทศ อารมณ์ของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศ ฯลฯ
- มีความผันผวนของผลการดำเนินงาน (standard deviation)
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นความเสี่ยงต้องคำนึงถึงเมื่อลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ หรือกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ
- การขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย สำหรับกองทุนที่มีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาในการถือครอง
- อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ผลตอบแทนกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ ฯลฯ อาจน้อยกว่าราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
กองทุนรวมเหมาะสำหรับ
- คนที่ยังต้องการผู้เชี่ยวชาญช่วยดูแลการลงทุน
- คนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดตลอดเวลา
- คนที่เริ่มต้นลงทุนใหม่ๆ
- ลงทุนทองคำ ออมเงินให้เป็น "ทอง" เริ่มต้น 1,000 บาท
ลักษณะการลงทุนในทองคำที่เริ่มต้นได้ตั้งแต่เงินจำนวนน้อย เป็นรูปแบบของ “การออมทอง” โดยมีกติกาเดียวกับการออมทองในอดีต คือ การสะสมเงินทีละน้อยให้ครบตามราคาน้ำหนักทองที่ต้องการ และสามารถถอนออกมาเป็นทองคำได้
แต่ปัจจุบัน เราสามารถออมทองผ่านแอพพลิเคชันของร้านทองได้โดยตรง หรือตัวกลางผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายทองออนไลน์ (ที่ควรตรวจสอบก่อนว่าเป็นตัวกลางที่เชื่อถือได้ ผ่านการอนุญาตที่ถูกต้อง)
ความเสี่ยงของการลงทุนในทองคำ ไม่มีระดับให้เลือกเหมือนการลงทุนกองทุนรวม เนื่องจากความผันผวนของราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับสภาวะต่างๆ ที่เข้ามากระทบ และเป็นไปตามราคาทองคำโลก
สำหรับการลงทุนทองคำในรูปแบบของการ “ออมทอง” ในปัจจุบันสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงิน 1,000 บาท โดยระบบออมทองจะเฉลี่ยเงินที่ซื้อกับราคาทอง ณ เวลานั้นๆ ทุกครั้งที่มีการซื้อ จนกว่าเงินที่ซื้อจะพอดีราคาทองคำที่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะสามารถถอนออกมาได้ เช่น 1 สลึง 1 บาท 5 บาท 10 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ดีการออมทองที่ว่านี้ ไม่ได้มีรูปแบบการเติบโตเหมือนกับกองทุนรวมและหุ้น เน้นการเก็บเพื่อให้ได้มาซึ่งทองคำมาเก็บไว้เป็นสินทรัพย์
ข้อดีของการลงทุนในทองคำ
- สามารถสะสมจากเงินจำนวนน้อยๆ
- สามารถเก็บทองคำไว้เป็นสินทรัพย์ได้
- ช่วยถัวเฉลี่ยราคาทองคำให้ได้ต้นทุนราคาทองไม่ต่ำหรือสูงเกินไป
ข้อควรระวังหากต้องการลงทุนในทองคำ
- ใช้เวลานาน
- ราคาทองคำที่มีความผันผวน
- มีความเสี่ยงเรื่องการเก็บรักษา มีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมย หรือจำเป็นต้องเช่าพื้นที่จัดเก็บเพื่อความปลอดภัย
การลงทุนในทองคำเหมาะสำหรับ
- คนที่อยากได้ทองคำแท่งเป็นทรัพย์สิน
- ติดตามตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง
- รับความเสี่ยงได้ปานกลางขึ้นไป
- ลงทุนหุ้น แบบออมหุ้น เริ่มต้นหลักร้อย
การลงทุนใน ”หุ้น" (Stock) เป็นการระดมเงินทุนจากนักลงทุนทั่วไปเพื่อไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือหุ้นจะมีฐานะเป็น "เจ้าของ" ซึ่งจะมีส่วนได้เสียหรือมีสิทธิ์ในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลเมื่อกิจการมีกำไร และหากกิจการมีผลการดำเนินงานที่ดี ราคาหุ้นเติบโต ก็จะสามารถทำกำไรได้จากส่วนต่างราคาได้ด้วย
ลักษณะการลงทุนทยอยลงทุนในหุ้น หรือออมหุ้น ในปัจจุบันสามารถเปิดพอร์ตหุ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และสามารถทำรายการซื้อขายและติดตามความเคลื่อนไหวได้ผ่านระบบ Trading แบบเรียลไทม์ทั้งในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ทโฟน
สำหรับการทยอยซื้อหุ้นนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่เงินไม่กี่ร้อยบาท (ขึ้นอยู่กับราคาหุ้น) เช่น สมมติหุ้น A ราคา 2.50 บาท/หุ้น ซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น อยู่ที่ 250 บาท หุ้น B ราคา 9.12 บาท ซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น อยู่ที่ 912 บาท เป็นต้น
ข้อจำกัดของการซื้อหุ้นตัวด้วยจำนวนเงินน้อยๆ คือ สามารถซื้อหุ้นได้เฉพาะหุ้นที่มีราคาหน่วยไม่สูง ซึ่งสัดส่วนอัตรากำไร/ขาดทุนจะน้อยตามสัดส่วนเงินลงทุน ในทางตรงกันข้ามการซื้อหุ้นทุกๆ เดือนสม่ำเสมอจะช่วยถัวเฉลี่ยราคาต้นทุนของหุ้นได้ในระยะยาว ได้ราคาหุ้นเฉลี่ยที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไปโดยไม่ต้องจับจังหวะการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนในหุ้นรายตัวยังจำเป็นต้องความเสี่ยงจากความผันผวนสูง ผลตอบแทนไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกิจการนั้นๆ มีโอกาสสูญเงินต้น ซึ่งหากกิจการมีปัญหาจนถึงขั้นล้มละลาย ผู้ถือหุ้น จะได้รับเงินลงทุนคืนก็ต่อเมื่อกิจการจ่ายภาระผูกพันแก่เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้น
ดังนั้น ผู้ที่จะตัดสินใจลงทุนต้องทำความเข้าใจอย่างละเอียดก่อนลงทุน ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมของการลงทุน แนวโน้มการเติบโตของหุ้นในอนาคต การดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุน ฯลฯ
แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นก็ไม่ค่อยแน่นอน ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของกิจการนั้นๆ หากกิจการมีปัญหาจนถึงขั้นล้มละลาย ผู้ถือหุ้น จะได้รับเงินลงทุนคืนก็ต่อเมื่อกิจการจ่ายภาระผูกพันแก่เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิเรียบร้อยแล้ว
ข้อดีของการออมหุ้น
- ทยอยสะสมหุ้นได้ด้วยเงินจำนวนน้อย
- ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่
- ช่วยถัวเฉลี่ยราคาหุ้นให้ได้ต้นทุนราคาเฉลี่ยที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
- ตัดเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ไม่ต้องจับจังหวะการลงทุน
ข้อควรระวังจากการออมหุ้น
- ต้องถือครองในระยะยาว
- มีความเสี่ยงสูงมาก
- หากเลือกหุ้นที่ไม่ได้มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวอาจทำให้สูญเงินทั้งหมดได้ (มีความเสี่ยงเหมือนซื้อหุ้นตามปกติ)
การออมหุ้นเหมาะสำหรับ
- ผู้ที่รับความเสี่ยงสูงได้สูงถึงสูงมาก
- ผู้ที่ศึกษาพื้นฐานการลงทุนในหุ้นอย่างเข้าใจแล้ว
- ติดตามสภาวะตลาดหุ้น สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากการลงทุนทั้ง 3 แบบแล้ว ยังมีการลงทุนหนึ่งที่ทุกคนสามารถืทำได้ และควรทำอยู่เสมอ ซึ่งเป็นการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- การลงทุนในตัวเอง
การลงทุนความรู้ เพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ การดูแลสุขภาพ ฯลฯ ที่นำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น อาจเรียกรวมๆ ได้ว่า “การลงทุนในตัวเอง” นับเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีเอื้ออำนวยให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นลงทุนในตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้เงินแม้แต่บาทเดียว
การลงทุนในตัวเองเริ่มต้นได้จากการแบ่งเวลาอย่างชัดเจนจากงานหลัก ตั้งเป้าหมายค้นคว้าข้อมูล ความรู้ที่สนใจ พยายามเรียนรู้เรื่องนั้นๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถทำได้ผ่านช่องทางให้ความรู้แบบที่มีทั้งแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและมีค่าใช้จ่าย อาทิ เว็บไซต์ เพจ สื่อฯ ในอินเทอร์เน็ต ข้อมูลบางส่วน(ที่เชื่อถือได้)จากโซเชียลมีเดีย หนังสือ การร่วมกิจกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ ตลอดจนการเข้าคอร์สเรียนทั้งทางออฟไลน์และออฟไลน์
ข้อดีของการลงทุนในตัวเอง
- มีทักษะต่างๆ เพิ่มขึ้น สุขภาพดีขึ้น
- มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่งานมากขึ้น
- สามารถต่อยอดเป็นอาชีพใหม่ สร้างรายจากหลายช่องทาง
- ต่อยอดแนวคิดต่างๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้น
- มีประสบการณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น
ข้อเสีย ไม่มี
เหมาะสำหรับ ทุกคน
จะเห็นได้ว่า ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ช่วยสนับสนุนให้คนทั่วไป มีโอกาสเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินได้มากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำลง และสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนที่เป็นประโยชน์ได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่า “การลงทุน” ย่อมมีความเสี่ยงตามมา โดยเฉพาะการลงทุนตามกระแส ลงทุนตามคนอื่น ลงทุนโดยขาดการศึกษาข้อมูลยิ่งสร้างความเสี่ยงการลงทุนให้มากขึ้น ดังนั้น ก่อนลงทุนจึงต้องวางแผนการเงิน และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้การลงทุนตอบโจทย์เป้าหมายที่วางไว้ และเกิดประโยชน์สูงสุด
อ้างอิง
หุ้น (Stock), ออมหุ้นDCA, กองทุนรวม จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ออมทองผ่านแอปพลิเคชัน จาก ฮั่ว เซ่ง เฮง