'เพนนี ป๊อปคอร์น' กองทัพเงียบ อบแบรนด์แทนใจคนช่างเลือก

'เพนนี ป๊อปคอร์น' กองทัพเงียบ อบแบรนด์แทนใจคนช่างเลือก

เพนนี ป๊อปคอร์น แบรนด์ข้าวโพดอบกรอบพรีเมี่ยมที่ทำกินแจกจ่ายครอบครัว และเพื่อน จนกลายเป็นของฝาก กองทัพเงียบ ปั้นแบรนด์ส่งต่อความสุขขยายมาสู่ห้าง คาเฟ่ และใช้กองทัพนักท่องเที่ยวในไทยพาไปตะลุยตลาดโลก

มูลค่าตลาดป๊อปคอร์นในเมืองไทยในช่วง4-5 ปีที่ผ่านมาประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเจ้าตลาดคือยักษ์ใหญ่แบรนด์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา การ์เร็ต ป๊อปคอร์น สร้างกระแสมาแรงจนเบียดแบรนด์ไทยเจ้าหนึ่งต้องปิดฉากไป อีกแบรนด์คือป๊อปคอร์นในโรงภาพยนตร์ที่เป็นขายเพื่อเป็นของทานเล่นคู่กับการดูหนังให้ได้อรรถรส นี่เป็นเพียงสถานการณ์ตลาดป๊อปคอร์น ผู้เล่นในตลาดน้อย ซึ่งผู้นำคือแบรนด์ใหญ่ระดับโลกเป็นหลัก

ตัดกลับมาที่นักธุรกิจตัวเล็กรายใหม่ “หญิง-พรพิมล ปักเข็ม ประธานกรรมการ บริษัท เพนนินเพนนี พาทิซเซอรี่ จำกัด ที่เริ่มธุรกิจขายป๊อปคอร์นภายใต้แบรนด์ “เพนนี พรีเมี่ยม ป๊อปคอร์น” (Pennii Premium Popcorn ) ข้าวโพดอบกรอบพรีเมี่ยม แม้ราคาสูงแต่กลับมีคนกวาดซื้อเรียบแบบเงียบๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาล ใช้เป็นของขวัญแจกจ่ายให้คนรัก คู่ธุรกิจ ถูกเหมาเป็นหลักหมื่น หากเป็นองค์กรก็ระดับแสนบาท มีทั้งสั่งจัดเป็นกระเช้าเพื่อแทนใจคนให้ ของอร่อยได้สุขภาพจากเพื่อน ขยายวงเป็นของฝากจากเพื่อน ก่อตั้งธุรกิจในปี 2561 จนขึ้นห้าง พร้อมกับก้าวขยับใหม่ๆ สร้างสตอรี่ให้กับแบรนด์อีกมากมายในเวลาเพียง 2-3 ปี วันนี้เป้าหมายเติบโตแบบก้าวกระโดดท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง

เริ่มต้นธุรกิจของพรพิมล เธอเล่าว่า ไม่ได้มองตลาดเลยว่า ใครปักธงเป็นเจ้าตลาดแล้วบ้าง หลักๆมาจากความหลงรัก(Passion)ทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจถึงขั้นไปร่ำเรียนอย่างจริงจังที่สถาบันผลิตเชฟมืออาชีพอย่าง “เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตธานี” เป็นเวลากว่า 9 เดือนรวม 2 คอร์ส ทำไปเรียนไป โดยมีพื้นที่ปล่อยวิชา ด้วยการแจกจ่ายให้คนใกล้ตัวทั้งเพื่อนและครอบครัวชิม จนได้รับฉายา “ครัวของเพื่อนๆ” ที่เป็นคนนิสัยช่างเลือกไม่เพียงชอบกินของอร่อย แต่ไม่ไว้วางใจกับสิ่งที่เอาเข้าปาก อาหารที่ปรุงทุกชนิดจึงไม่มีสิ่งที่เป็นภัยต่อสุขภาพ ทั้งผงปรุงรส ไขมันทรานส์ ความหวานต้องพอประมาณ น้ำมันไม่ทอดซ้ำ

เมนูเด็ดหนึ่งอย่างที่คนติดใจจนสั่งเป็นพรีเออเดอร์คือ “ป๊อปคอร์น”สูตรคุณหญิง-พรพิมล ป๊อปคอร์นสำหรับคนสายสุขภาพ เพราะข้าวโพดอบในสุญญากาศ (Airpop) ส่วนดีของการเริ่มต้นจากเชฟ จึงคัดสรรวัตถุดิบอร่อยและดีต่อสุขภาพ ทั้งในประเทศ และนำเข้าเฉพาะจากต่างประเทศ เช่น ข้าวโพดพันธุ์มัชรูมจากสหรัฐ เนยแท้จากฝรั่งเศส น้ำมันจากเมล็ดชาออร์แกนิก วานิลลาฝักจากมาดากัสการ์ ช็อกโกแลต จากเบลเยี่ยม รวมไปถึง แมกคาเดเมีย และอัลมอนด์เกรดพรีเมียม

กระบวนการปรุงก็คัดสรรใช้น้ำมันเมล็ดชา และน้ำตาลดอกมะพร้าวจากโครงการหลวง เป็นแบรนด์เดียวที่ได้ติดตราประทับ “ภัทรพัฒน์”  ใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวงมูลนิธิชัยพัฒนา แม้ต้นทุนจะสูงแต่ทุกคนยอมรับว่าใช้แต่ของที่ดีจริง

ชอบทำอาหารจริงจังจนไปเรียน กอร์ดอง เบลอ ทุกเมนูที่ไปเรียนทำแล้วเอามาแจก คนชมก็เป็นแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะป๊อปคอร์น สูตรพรีเมี่ยม ที่เน้นความชอบกินเอง และทำให้ลูกรวมถึงเพื่อนกินก็ต้องคัดเลือกวัตถุดิบเป็นหลัก จนได้รับพรีออเดอร์ในออนไลน์ "

ปัจจุบันมี 6 รส คือ คาราเมลออริจินอล รสคาราเมลแบบน้ำตาลต่ำ รสช็อกโกแลต รสทุเรียนหมอนทอง รสไข่เค็ม รสชีส และทุกรสจะมีอัลมอนด์ และแมคคาเดเมียอยู่ด้วย เรียกได้ว่าได้ทั้งความกรอบหวานพอดีจากป็อปคอร์น รวมกันกับความกรุบกรอบจากอัลมอนด์ และแมคคาเดเมีย รสชาติลงตัวใส่ถุงซิปล็อคในราคา 250 บาทต่อถุง

แม้จะคิดเยอะเรื่องวัตถุดิบ แต่เรื่องการตลาดไม่ได้วางแผนเลย ขยายได้เพราะคนซื้อพาให้ “เพนนี” รุกไปมีจุดจำหน่าย(คีออส) ในห้างในปี 2561 เริ่ม 3 สาขาคือ พารากอน, ไอคอนสยาม และ เอ็มควอเทียร์ และขยายเป็น 4 สาขาในปี 2562 เปิดสาขาล่าสุดเดือนพ.ย.ที่เซ็นทรัล เวิรด์ รูปแบบ “เพนนี คาเฟ่” ที่มีทั้งคีออสและทำเมนูเครื่องดื่ม ขนมที่ครีเอทคู่กับป๊อปคอร์น ล่าสุดได้รับเลือกจากการบินไทย ให้พัฒนาเมนูขนมคู่กับป๊อปคอร์น เสิร์ฟให้กับผู้โดยสารชั้นธุรกิจเส้นทางยุโรป 

“เริ่มต้นแทบไม่ได้ศึกษาเทียบกับใคร เกิดจากความชอบตลาดพามาเอง ทำให้แบรนด์ไปเร็วมาก กลายเป็นของฝากคนรู้จักเพนนีตั้งแต่ ทำแจก และมีพรีออเดอร์ขยายวงลูกค้าซื้อไปแจกจ่าย คนจึงรู้จักแบรนด์อยู่แล้ว เป็นแบรนด์กระจายโดยปากต่อปาก จึงมีหน้าร้านในห้างปี2561”

ทว่า ภายใต้ความบังเอิญก็มีการเตรียมพร้อมกับหลังบ้านที่แข็งแรง ทั้งแบรนด์ที่ตั้งชื่อ “เพนนี”ตั้งแต่เริ่มต้นแจกจ่ายจนคนรู้จักชื่อ บังเอิญมีคนนำเสนอทำหนังโฆษณาทุกอย่างลงตัวเสริมแบรนด์ ตอนเข้าห้างก็รีแพคเกจจิ้ง พอดี จึงพร้อมขยาย

อยากไปเงียบๆ พอไปได้ แล้วจะกระจายไปไกล นึกถึงกองกำลังที่ค่อยๆ กำลังรุกไป” เจ้าของแบรนด์เล่าถึงกลยุทธ์

ณ วันนี้ป๊อปคอร์น เพนนี กลายเป็นแบรนด์ของฝากที่ขยายการตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าองค์กร ที่ซื้อแจกจ่ายให้พนักงาน และลูกค้า ซึ่งมีออเดอร์หลักแสนต่อครั้ง จึงส่งผลทำให้เกิดจุดยืนแบรนด์ไม่ใช่แค่ขายป๊อปคอร์น แต่เป็นแบรนด์ส่งต่อความสุข เพราะคนยุคนี้ห่วงเรื่องสุขภาพ จึงเลือกของทานมากขึ้น

เจ้าของแบรนด์ป๊อปคอร์นที่มาจากชื่อลูกชายและลูกสาวรวมกันเล่าว่า มาถึงวันนี้เป็นกองทัพที่เติบโตแบบเงียบมาไกลแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้2563 คาดว่าจะขยายเป็น 10 สาขา ทั้งคีออส และคาเฟ่ ตามขนาดของพื้นที่ และยอดขายมีโอกาสเติบโตขึ้นถึง 5 เท่า อาจจะไปแตะที่ตัวเลข 3 หลัก

โดยจุดจำหน่ายมีพันธมิตรในห้างสรรพสินค้าเพิ่ม 3 สาขา บิ๊กซี ราชดำริ, วิลล่า มาร์เก็ต และเถ้าแก่น้อย แลนด์ ที่เลือกเฉพาะสาขาที่มีนักท่องเที่ยวเป็นหลัก อาทิ เทอร์มินัล, ภูเก็ต และเชียงใหม่ เน้นเลือกเจาะจงสาขาที่มีนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะเป็นของฝากให้นักท่องเที่ยวแล้ว ยังทำให้ต่างชาติจดจำและบอกต่อแล้วจะกลายเป็นกองทัพที่จะปูทางไปลุยด้านการส่งออกได้ในอนาคต

เห็นนักท่องเที่ยวมาไทยและซื้อฝากเป็นหลักพันบาท จึงต่อยอดเป็นแบรนด์ที่ต่างชาติที่มาเที่ยวไทยต้องซื้อเป็นของฝากและนำไปสู่การส่งออกได้ในอนาคต

เจ้าของแบรนด์เล็กๆ ที่หวังลึกๆ ไปไกลระดับโลกทิ้งท้ายถึงหลักการสำคัญของการทำแบรนด์ที่ยั่งยืนต้องมาจากความเป็นตัวตนของเจ้าของแบรนด์ ที่มีมาสคอตเป็นตุ๊กตาเพนกวิน สดใสน่ารักที่คนเห็นต้องยิ้ม

แบรนด์สะท้อนความเป็นตัวตัวเจ้าของแบรนด์ เพราะเป็นความรับผิดชอบที่แสดงออกกับลูกค้า ดังนั้นเจ้าของจึงต้องใส่ใจพิถีพิถันทุกส่วนที่จะมาเป็นสินค้า เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลัง

------------------------------------------

 สูตรลับปั้นแบรนด์รุกเงียบ

-รู้จริงเรื่องอาหารและวัตถุดิบ

-ทดลองคนใกล้ตัว เปิดพรีออเดอร์ออนไลน์

-สินค้านำตลาด คนซื้อบอกต่อ

-เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรซื้อฝาก

-รุกนักท่องเที่ยวปูทางบุกตลาดโลก

-แบรนด์แทนตัวตน ส่งต่อความสุข