รับมือมฤตยูร้าย ไวรัส 'โคโรน่า'

สัปดาห์ที่ผ่านมา โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย์ ทางภาคกลางของจีนระบาดหนักขึ้น มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตและติดเชื้อที่พุ่งไม่หยุด แถมขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ จนจีนต้องสั่งปิดเมืองเพิ่ม โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังไม่มีวัคซีนรักษา ความน่ากลัวของเจ้าเชื้อร้ายนี้คือเราประเมินได้ยากว่ามันสามารถติดต่อกันได้ง่ายแค่ไหน รู้เพียงว่าให้เฝ้าระวัง หากมีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าไวรัสใหม่ไม่อันตรายเท่าซาร์สเมื่อปี 2545-2546 ที่คร่าชีวิตประชาชนไปเกือบ 800 คน และโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 700 คนตั้งแต่ปี 2555

หากล่าสุดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ออกประกาศด่วนวานนี้ (24 ม.ค.) ตามคำสั่งของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อหยุดการระบาดของโรคปอดสายพันธุ์ใหม่ โดยออกคำสั่งให้บริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศหยุดให้บริการ หยุดขายผลิตภัณฑ์ตั๋วเครื่องบินและโรงแรม ส่วนบริษัททัวร์ที่เดินทางออกไปแล้วขอให้ดำเนินการให้เรียบร้อย แต่ต้องระมัดระวังและคำนึงถึงสถานการณ์สุขภาพของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก 

ขณะที่คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนออกแถลงการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น หนึ่งในนั้นเป็นชายอายุ 80 ปี เสียชีวิตที่มณฑลเหอเป่ย์ อยู่ทางเหนือและมีพรมแดนติดกับกรุงปักกิ่ง เป็นผู้เสียชีวิตคนแรกนอกเขตมณฑลเหอเป่ย์ ส่วนจำนวนผู้ป่วยสะสมก็มีเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีทั้งผู้ที่มีอาการอยู่ในระดับวิกฤติ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วประเทศต่างเร่งมือตรวจสอบผู้ป่วยต้องสงสัย ด้านกระทรวงการคลังของจีนประกาศจัดสรรงบประมาณฉุกเฉินเบื้องต้น 1,000 ล้านหยวน (ราว 4,396.18 ล้านบาท) ให้แก่มณฑลเหอเป่ย์ เพื่อใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค เนื่องจากเป็นจุดวิกฤติที่สุด

ส่วนสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ประเมินว่า หากทัวร์จีนหยุดนำเที่ยวทั่วโลกอาจส่งผลให้ไทยสูญรายได้จากการท่องเที่ยว 4.8-5.2 หมื่นล้านบาทในระยะ 2 เดือนนี้ ด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ประเมินว่า หากจีนยุติทำทัวร์ 3 เดือน ประเทศไทยจะสูญนักท่องเที่ยวจีน 1.89 ล้านคน ซึ่งล่าสุดไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่ได้รับการยืนยันแล้วเป็นรายที่ 5  

เราเห็นว่าเจ้ามฤตยูไวรัสที่กำลังเขย่าโลกตัวล่าสุดนี้ หาก "ต้นทาง" ยังไม่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ "บ้านเรา" ก็ยังคงมีความเสี่ยงมากขึ้น เป็นเรื่องที่ภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด มีมาตรการ "เข้มข้น" และ "รัดกุม" ส่วนภาคประชาชนต้องหมั่นสังเกตสุขภาพร่างกายของตัวเองให้มากขึ้น เลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพ หากมีอาการที่เข้าข่ายควรพบแพทย์โดยด่วน