เสนาฯพลิกเกมฝ่าอสังหาฯขาลง ลุยทาวน์โฮม - คอนโดต่ำล้าน
เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ผนึกฮันคิว ฮันชิน ฝ่าวิกฤติอสังหาฯขาลงปี 63 พลิกเกมรุกทาวน์โฮม 1.5 -3ล้าน คอนโดราคาต่ำล้านเจาะเรียลดีมานด์ เผยแผนผุด10โครงการมูลค่า7,500ล้าน ชี้ตลาดเผชิญสงครามราคา พร้อมปรับลด-เพิ่มโครงการใหม่ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี2563 เปรียบเสมือนกับการเผชิญพายุที่สมบูรณ์(Perfect Storm)อีกระลอกจากที่ปีผ่านมา จึงถือเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่งเนื่องจากจากภาวะเศรษฐกิจและตลาดเข้าสู่ขาลง กระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค ดังนั้นในฐานะผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดมานานจึงปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อให้ผ่านพายุลูกนี้และรองรับสถานการณ์ที่ดีขึ้นใน3-4ปีข้างหน้ากลับมาเป็นขาขึ้นภายใต้วิสัยทัศน์ “ฮาวทูธิงค์ ”
โดยกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้บริษัทเติบโตในปี 2563 ปรับพอร์ตโฟลิโอ และสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ร่วมกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ คอร์ป ลงทุนพัฒนาโครงการ ทาวน์โฮม ภายใต้แบรนด์เสนา วีว่า เสนา วิลลา ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 1.5-3 ล้านบาท เสนาวิลเลจ บ้านแฝด ราคา3-5 ล้านบาท เสนาวิลล์ จะเป็นบ้านแฝดและทาว์เฮ้าส์ ราคา5-10 ล้านบาทร่วมกันเป็นครั้งแรก รวมถึงคอนโดต่ำล้านหรือน้อยว่า3.5หมื่นต่อยูนิตภายใต้แบรนด์เดอะคิทท์ ในย่านปริมณฑลส่วนแบรนด์ สแลช (SLASH) เป็นซิตี้คอนโดในระดับราคา1-2ล้านบาทต่อยูนิตหรือ4-7หมื่นบาทต่อตร.ม. เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับกลาง-ล่าง จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่า7,500ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 6 โครงการและแนวราบ 4 โครงการ ครึ่งหนึ่งเป็นโครงการร่วมทุน ส่วนที่เหลือบริษัทลงทุนเอง คาดยอดขายปีนี้ 11,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 10,600 ล้านบาท
“ท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง กลุ่มนักลงทุนหาย ลูกค้ากำลังซื้อลดลงกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นคนซื้ออยู่จริง (เรียลดีมานด์)ในทำเลที่เหมาะสมในโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้น เป็นเขตที่มีแหล่งงาน และซัพพลายยังไม่ล้น ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ทั้งเป็นแนวราบราคา 3-5 ล้านบาท และแนวสูงราคา1-3ล้านบาทที่มีกำลังซื้อส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเจนวายที่มีอายุตั้งแต่ 18-35ปี ด้วยการต่อยอดจากประสบการณ์กว่า 40 ปี ของเสนาฯที่พัฒนาโครงการมากว่า50 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาทรวมจำนวน1หมื่นกว่ายูนิตเพราะช่วงเกิดพายุไม่มีเวลาลองผิดลองถูกต้องเลือกใช้อาวุธที่ชำนาญ ”
นางสาวเกษรา กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯปี 2563 หนีไม่พ้นสงครามราคา เพราะผู้ประกอบการทุกรายพยายามนำเสนอให้กับกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สามารถจะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วย การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า เช่น แนวคิด “MADE FROM HER” ที่เน้นรายละเอียดของผู้หญิงมาพัฒนาสินค้าและบริการ ในปี2563 จะทำเพิ่มเติมกับ Customer Journey ให้กับลูกค้าแต่ละเซกเม้นท์ รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น 360 องศาให้ทันสมัยและง่ายต่อเข้าถึงข้อมูล พร้อมกันนี้บริษัทได้ตั้งบริษัท ทีเค นวกิจ จำกัด เพื่อเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างโครงการคอนโดโลว์ไรส์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถประหยัดค่าเตรียมการก่อสร้างและบริการต้นทุค่าก่อสร้างได้ดีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันราคาที่รุนแรง
นอกจากนี้บริษัทยังเพิ่มการลงทุนในรูปแบบของการเข้าซื้อทรัพย์สินมูลค่าต่ำ( Distressed asset and on-going project) เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจไม่จำกัดว่าต้องเป็นธุรกิจอสังหาฯเท่านั้น เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เร็วขึ้นภายใน5ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะโอกาสที่เข้ามาช่วงเวลานั้นๆ ข้อดี คือต้นทุนต่ำ มีสินค้าพร้อมขายทันทีและลดระยะเวลาในการก่อสร้างโครงการ ซึ่งเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจขาลง
“ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่บริษัทลดจำนวนโครงการลงเหลือแค่ 10 โครงการจากปีที่แล้วตั้งไว้ 20 โครงลดลงเหลือ 11 โครงการ โดยจะหันมาโฟกัสแนวราบมากขึ้น เนื่องจากเผชิญภาวะเศรษฐกิจขาลง กำลังซื้อลดลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากค่าบาทแข็งขึ้น ไม่นับรวมปัจจัยลบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศในขณะนี้เป็นผลทางอ้อม หรือปมเสียบบัตรแทนกันที่อาจส่งผลให้พรบ.งบฯเป็นโมฆะ แต่ทั้งนี้บริษัทพร้อมที่จะปรับลดหรือเพิ่มจำนวนโครงการได้ตลอดเพราะแผนที่วางไว้สามารถได้ทุก3 เดือนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป”